ม.หอการค้าไทยหั่น GDPไทย เหลือ 1.7% กรณีฐานนายกฯอยู่ได้ทั้งปี 68
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปรับลดประมาณการ GDP ปี 2568 เหลือเพียง 1.7% จากเดิม 3% หลังประเมินเศรษฐกิจไทยเผชิญแรงกดดันหลายด้าน ทั้งสงครามการค้า การเมืองภายในประเทศ และความไม่แน่นอนตามแนวชายแดน โดยได้วิเคราะห์ 5 กรณีสถานการณ์ ตั้งแต่กรณีดีที่สุดจนถึงกรณีเลวร้ายที่สุด
5 กรณีของเศรษฐกิจไทย ปี 2568 ตามการวิเคราะห์ของม.หอการค้าไทย
1. กรณีดีที่สุด (Best Case) โอกาสเกิด: 5% / GDP 2.3%
- Tariff ของสหรัฐฯ อยู่ที่ 10%
- ความขัดแย้งอิสราเอล–อิหร่าน คลี่คลายได้เร็ว
- ความตึงเครียดไทย–กัมพูชา คลี่คลายได้เร็ว
- รัฐเบิกจ่ายงบกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 75% ในปี 2568
- รัฐบาลมีเสถียรภาพ นายกฯ อยู่ตลอดทั้งปี 2568
2. กรณีที่ดีกว่า (Better Case) โอกาสเกิด: 10% / GDP: 2.0%
- Tariff สหรัฐฯ ที่ 10%
- ความขัดแย้งระหว่างประเทศคลี่คลายเร็ว
- ปัญหาชายแดนคลี่คลายได้เร็ว
- เบิกจ่ายงบฯ ได้ 50% ในปี 2568
- นายกฯ อยู่ครบปี 2568
3. กรณีฐาน (Base Case) โอกาสเกิด: 55% / GDP: 1.7%
- Tariff อยู่ที่ 15–20%
- ปัญหาภายนอกยังคลี่คลายได้เร็ว
- ความตึงเครียดแนวชายแดนยังคงอยู่ระดับต่ำ
- รัฐเบิกจ่ายงบได้ 50% ในปี 2568
- นายกฯ ยังอยู่ครบปี 2568
4. กรณีแย่กว่า (Worse Case) โอกาสเกิด: 20% / GDP: 1.3%
- Tariff อยู่ที่ 25–30%
- ความขัดแย้งอิสราเอล อิหร่านคลี่คลายได้เร็ว
- ตึงเครียดตามแนวชายแดนยังไม่จบ ตึงเครียดระดับปานกลาง
- รัฐเบิกจ่ายงบได้เพียง 50% ในปี 2568
- การเมืองไม่มีเสถียรภาพ
5. กรณีเลวร้ายที่สุด (Worst Case) โอกาสเกิด: 10% / GDP: 0.9%
- Tariff อยู่ที่ 25–30%
- ปัญหาความขัดแย้งอิสราเอล อิหร่าน คลี่คลายได้เร็ว
- ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา ปิดด่านชายแดน 100% ตลอดช่วงที่เหลือของปี 2568
- รัฐเบิกจ่ายงบได้แค่ 25%ในปี 2568
- การเมืองไร้เสถียรภาพหรือมีการยุบสภา
ทั้งนี้วิเคราะห์ผลกระทบสำคัญ กรณีภาษีของสหรัฐฯ หากไทยถูกเก็บภาษีเต็มเพดาน 25–30% โดยไม่มีความคืบหน้าในการเจรจา อาจกระทบต่อการส่งออกและความเชื่อมั่นทันที การเมือง หากเกิดการยุบสภา หรือเปลี่ยนนายกฯ โดยไม่มีรัฐบาลใหม่ที่มีอำนาจเต็ม จะทำให้งบประมาณปี 69 ล่าช้า และกระทบนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมดส่วนชายแดนไทย–กัมพูชา หากปิดด่านตลอดทั้งปี 2568 ความเสียหายจะสูงถึง 84,000 ล้านบาท
ดังนั้นมุมมองของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ยังเปราะบาง หากไม่มีปัจจัยลบรุนแรงเพิ่มเติม เศรษฐกิจมีแนวโน้มโตที่ 1.7% แต่หากการเมืองและปัจจัยภายนอกแย่ลงพร้อมกัน อาจโตไม่ถึง 1% ได้เช่นกัน