เปิดภารกิจ รองนายกฯ พิชัย นำทีมไทยเยือนสหรัฐ สัปดาห์หน้า ถกปมร้อนภาษีทรัมป์
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้าจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกา เพื่อเจรจาภาษีศุลกากรตอบโต้ โดยมีแผนที่จะร่วมเจรจากับผู้ที่เกี่ยวข้อง 2-3 ราย ส่วนจะเป็นการเจรจากับหน่วยงานใดนั้น ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ โดยสหรัฐค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ ส่วนจะขอขยายระยะเวลาการปรับขึ้นภาษีตอบโต้ 36% ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 8 ก.ค.68 นี้หรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ไม่สามารถให้รายละเอียดได้เช่นกัน หากพูดไปแล้วคงจะไม่ดีในมิติการเจรจา”
สำหรับการเสนอชื่อผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ ให้ ครม.นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเสนอให้ ครม. พิจารณาก่อนหรือหลังการเดินทางไปสหรัฐฯ ขอเวลาพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากการคัดเลือกผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่ ไม่ได้กำหนดระยะเวลาแต่อย่างใด
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานสภาหอการค้าไทย กล่าวว่า สภาหอการค้าได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ให้รัฐบาลไปหมดแล้ว เชื่อว่าการเจรจาจะอยู่ภายใต้ความสมดุลระหว่างกัน มีทั้งให้และรับ หรือ กิ๊ฟแอนด์เทค มิใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะรับและให้เพียงฝ่ายเดียว และต้องมองผลระยะยาวด้วย และเชื่อว่าทิศทางการเจรจามีแนวโน้มที่ดี ส่วนอัตราภาษีจะเป็นเท่าใด ขึ้นอยู่กับการเจรจาของรัฐบาลไทย
รายงานข่าวแจ้งว่า การเดินทางของคณะรองนายกฯ พิชัย ครั้งนี้ ประกอบด้วย ตัวแทนจากกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ เริ่มออกเดินทางไปปลายสัปดาห์หน้าหลังจากประชุม ครม.ไปแล้ว โดยยังไม่ได้รับการเปิดเผยว่า จะได้พบกับ สก็อตต์ เบสเซนต์ รมว.คลังสหรัฐ หรือผู้แทนการค้าสหรัฐ แต่สาระหลักของการเดินทาง คือการเน้นกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าทั้ง 2 ประเทศ และถือเป็นการเยือนของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลไทยทางการครั้งแรก นับตั้งแต่สหรัฐมีการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกในการเจรจาการค้าระหว่างกัน
อย่างไรก็ตาม การหารือครั้งนี้จะยังไม่ได้หารือเชิงลึก หาข้อสรุปหรือยุติเกี่ยวกับภาษีตอบโต้โดยทันที และจะยังไม่มีการลงนามความตกลง เงื่อนไขทางการค้า หรือตอบรับข้อเสนอใดๆจากสหรัฐ และคาดว่าในการเจรจาแก้ปัญหาดุลการค้า และภาษีตอบโต้ของสหรัฐ จะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง เหมือนกับประเทศอื่นที่เจรจาไปแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ข้อยุติ
ที่ผ่านมาไทยมีการจัดส่งรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องมาตรการต่างๆ ไปยังผู้แทนการค้าสหรัฐ แล้ว ครอบคลุมใน 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.การเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้น โดยเน้นไปที่สินค้าเกษตรที่ไทยจะสามารถนำมาต่อยอดได้ อาทิ ข้าวโพด หรือถั่วเหลือง รวมถึงไปสินค้าเชื้อเพลิงต่าง ๆ 2.ผ่อนคลายมาตรการจัดเก็บภาษี หรือมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีเพื่อส่งเสริมการนำเข้า 3.เน้นพัฒนาความร่วมมือในอุตสาหกรรมที่เป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศ อาทิ อุตสาหกรรมการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง 4.เพิ่มความโปร่งใสสำหรับสินค้าส่งออกเพื่อป้องกันการสวมสิทธิ จากประเทศที่สาม และ 5.เพิ่มการลงทุนของธุรกิจไทยในสหรัฐฯ