ในมุมขอบคุณ ฮุนเซนทำให้ตาสว่าง !?
เมืองไทย 360 องศา
แม้หลายคนจะบอกว่าเป็น “เฒ่าสารพัดพิษ” ไว้ใจไม่ได้ สำหรับ นายฮุน เซน ที่เวลานี้เป็นประธานวุฒิสภา และครองอำนาจมาอย่างยาวนานในกัมพูชา แต่การที่เขาปล่อยเทปสนทนากับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย เมื่อสองสัปดาห์ก่อน รวมไปถึงปล่อยภาพที่เป็นห้องพักที่ นายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยมาพักระหว่างที่หลบหนีคดีในประเทศไทย เมื่อหลายปีก่อน
หากมองอีกมุมหนึ่ง ก็มีคนไม่น้อยถึงกับกล่าวแบบ “ประชดประชัน” ออกมาว่า บางทีก็น่าจะขอบคุณเขาเหมือนกัน เพราะทำให้ทุกคนได้ “ตาสว่าง” ได้รับรู้ความจริงที่เคยซุกซ่อนมานาน อีกทั้งยังเรียกร้องให้ นายฮุนเซน แฉออกมาให้มากกว่านี้อีก ว่าที่ผ่านมาครอบครัวชินวัตร ของนายทักษิณ ชินวัตร ได้เคยไปทำอะไรไว้ในกัมพูชา รวมไปถึงทำธุรกิจใดร่วมกับ ครอบครัวฮุนเซน ในรอบหลายปีที่ผ่านมา
เพราะหลังจากนั้นก็ได้เกิดแรงกระเพื่อม จนสร้างความสั่นสะเทือนให้กับ ตัวนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร และ รัฐบาลของเธออย่างหนัก ในเรื่องของ “ความไว้วางใจ” เพราะจากคำพูดในเทปสนทนาดังกล่าว ถูกมองว่าส่อไปในทางขายชาติ มีเจตนายินดียกผลประโยชน์ให้กับฝ่ายกัมพูชา หรือ นายฮุนเซน เพราะลักษณะการพูด ถูกมองว่าเหมือนกับทั้งสองครอบครัวมีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่มีความใกล้ชิด ที่แยกไม่ออกกับผลประโยชน์ของชาติ โดยเฉพาะกับตำแหน่งผู้นำประเทศ
อย่างไรก็ดี เหมือนกับว่า “ถูกจับได้” ทำให้เธอต้องเปลี่ยนท่าทีเป็น “แข็งกร้าว” พลิกกลับมาให้การสนับสนุนฝ่ายกองทัพ ทั้งในเรื่องการจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งหมด ทั้งในเรื่องการปรับเวลาการเปิดปิดด่านชายแดนตลอดแนว
ขณะเดียวกัน ทางฝ่ายกัมพูชา ทั้ง นายฮุนเซน และนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งเป็นลูกชาย ก็ประกาศข่มขู่และตอบโต้ไทยตลอดเวลาในรอบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งในเรื่องการปิดด่าน งดใช้สินค้าไทย ห้ามนำเข้าสินค้าไทย ระงับการใช้ไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต รวมไปถึงห้ามนำเข้า น้ำมันและก๊าซ
แต่ในความเป็นจริง แม้ว่าจะมีคำสั่งดังกล่าวออกมา กลับก็ยังมีการนำเข้าสินค้าไทย หรือหากระงับการนำเข้าจริงก็จะสร้างความเดือดร้อนให้กับคนกัมพูชามากกว่าทางฝั่งไทย และล่าสุดก็ยังปรากฏว่า ยังมีการนำเข้าน้ำมันจากประเทศไทย
ซึ่งสิ่งที่ช่วยสะท้อนความจริงดังกล่าวมากขึ้นก็มาจาก โพสต์ของ พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย (ผอ.สน.ปร.มน) ได้ออกมาโพสต์ ถึงความเดือดร้อนที่ชาวกัมพูชาได้รับผลกระทบจากเหตุความขัดแย้งในพื้นที่แนวชายแดน ซึ่งเผยว่ามาจากการตัดสินใจของรัฐบาลกัมพูชา โดยระบุว่า "ถึงประชาชนชาวกัมพูชา
ความเดือดร้อนที่ประชาชนกัมพูชาได้รับอยู่ในขณะนี้นั้น เป็นผลมาจากการตัดสินใจของรัฐบาลกัมพูชาทั้งสิ้น และที่สถานการณ์ล่วงเลยมาจนปัจจุบัน เหตุเพราะรัฐบาลกัมพูชาเริ่มก่อนทั้งนั้น ตั้งแต่สร้างสถานการณ์ เผาศาลาตรีมุข และเอากำลังล้ำเขตแดนไทยที่แนวต้นพญาสัตบรรณ จากนั้นไทยไม่ได้เริ่มมาตรการอะไรก่อนเลย เพียงแค่คิดเบาๆ เท่านั้น กัมพูชาก็เริ่มทำการตอบโต้ด้วยมาตรการที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนกัมพูชาเอง
ไทยคิดจะตัดไฟ กัมพูชาก็งดใช้ไฟก่อน กลับไปใช้ไฟที่ผลิตในประเทศที่ต้องติดๆ ดับๆ เรื่องไฟฟ้า ปัจจุบันเขมรงดการใช้ไฟฟ้าเองจากไทยแล้วทั้ง 9 จุด (ตรวจสอบปริมาณการใช้ไฟแล้วมีค่าเป็นศูนย์) ไทยยังคงปฏิบัติตามสัญญาเรื่องการจ่ายไฟระหว่างกันเหมือนเดิม ไม่ใช่เป็นการตัดไฟตามที่เขมรประกาศกร้าวไว้
ส่วนไทยมีมาตรการที่จะตัดไฟฟ้าหรือไม่นั้น ตอบได้ว่า มี ซึ่งเป็นมาตรการร่วมกันกับมาตรการอื่นๆ ที่จะออกตามมาตามสถานการณ์ โดยการอนุมัติตัดไฟนั้น ต้องมีมติสั่งการจาก สมช.ก่อน"
ไทยคิดจะตัดอินเทอร์เน็ต กัมพูชาก็งดใช้อินเทอร์เน็ตจากไทยเอง แถมมาด้วยเรื่องงดดูละครไทย งดใช้สินค้าไทย (ที่ปัจจุบันยังเห็นคนเขมรข้ามมาตุนสินค้าไทยกลับไปอยู่) กัมพูชาแจ้งประชาชน งดมารักษาพยาบาลฝั่งไทย (มาเถอะ ไทยพร้อมช่วย ซึ่งกรณีฉุกเฉินไทยรับได้ตลอด ที่ผ่านมาก็มีให้เห็น ) เรื่องนักเรียนที่ข้ามมาเรียน ไทยก็ยินดีเสมอสำหรับการศึกษา เมื่อกองทัพอากาศไทย ตรวจความพร้อมด้านอากาศยาน กัมพูชาออกมาบอกเลยว่า จะตบรางวัลทหารกัมพูชาที่ยิงเครื่องบินรบไทยได้
ไทยคิดว่าจะตัดน้ำมัน กัมพูชาก็งดนำเข้าจากไทยก่อน (ต่อไปก็ใช้น้ำมันแพง โดย ผ่านบริษัทผูกขาดในประเทศกัมพูชา) เมื่อไทยกำหนดเวลาเปิด-ปิดด่าน กัมพูชาก็กำหนดเวลาให้เหลื่อมกัน สร้างความลำบากให้กับประชาชนที่สัญจรไปมาตามชายแดนซ้ำ เพียงแค่ไทยคิดเบาๆ ผู้นำกัมพูชาก็เล่นใหญ่เกินเบอร์ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนกัมพูชาอย่างเลี่ยงไม่ได้"
สำหรับคำถามก็คือทำไม นายฮุน เซน ถึงได้โกรธ ครอบครัว นายทักษิณ ชินวัตร มากมายขนาดนั้น หรือว่าเป็นเพราะเห็นว่า รัฐบาลคุมกองทัพไม่ได้ เหมือนกับที่เขากับลูกชายคือ นายฮุน มาเนต พยายามสื่อสารออกมาเพื่อให้ฝ่ายไทยเกิดความแตกแยก แต่ถึงอย่างไรสิ่งที่คนไทยอยากรู้ก็คือ ทำไมถึงโกรธได้ขนาดนั้น เพราะความสัมพันธ์ที่พิเศษหลายสิบปี ที่เขาบอกว่า “ได้ตัดขาด” กันแล้ว มันหมายความว่าอย่างไร เพราะนับจากนี้ไม่มีทางที่ความสัมพันธ์จะกลับมาเหมือนเดิมอีกแล้ว
และหากย้อนกลับไป เช่นเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้เดินทางไปเยือนกัมพูชาตามคำเชิญของ นายฮุน เซน และนายฮุน มาเนต สองพ่อลูกซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างดียิ่ง มีการฉลองความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชาครบครอบ 75 ปี ในครั้งนั้น น.ส.แพทองธาร ได้โพสต์ข้อความลงในโซเชียลมีเดีย และเปิดเผยถึงผลการหารือหลายเรื่อง ความเป็น “หุ้นส่วน” ทางยุทธศาสตร์
การหารือครั้งนี้ ครอบคลุมประเด็นสำคัญได้แก่ การพัฒนาพื้นที่ชายแดน ความมั่นคง การส่งเสริมการค้า การท่องเที่ยว การแก้ไขปัญหามลพิษฝุ่น PM2.5 และ “การปราบปรามแก๊งหลอกลวงออนไลน์” ทั้งสองฝ่ายตั้งเป้าที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าให้เป็น 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2570 และจะส่งเสริมความเชื่อมโยงและความร่วมมือตามแนวชายแดน ตลอดจนกรอบอาเซียน เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และยังมีกำหนดประชุมร่วมระหว่างสองฝ่ายที่บริเวณแนวชายแดน ในโอกาสต่อไปด้วย
แน่นอนว่าเป้าหมายการหารือระหว่างสองฝ่ายย่อมมีผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ ที่มีการเปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ สำหรับการ “เจรจาหลังไมค์” เหมือนกับที่น.ส.แพทองธาร พูดกับ นายฮุนเซน ก่อนหน้านี้ ซึ่งมันเป็นความลับดำมืด จะไม่มีใครรู้หาก ไม่เกิดกรณีคลิปสนทนาดังกล่าวเผยแพร่ออกมา และคนที่เผยแพร่ก็คือฝ่าย นายฮุนเซน
ดังนั้นคนไทยเชื่อว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา และที่ผ่านมาก็มีสัญญาณข่มขู่ออกมาจาก นายฮุนเซน ที่ทำให้เห็นว่ายังมีอีก “หลายเรื่อง” ที่จะปล่อยออกมา “แบล็กเมล์” ในภายหลัง หลังจากปล่อย “ห้องนอนสีชมพู” ตามมาติดๆ รวมไปถึงก่อนหน้านั้นที่มีการ “ลำเลิกบุญคุณ” ทำนองเคยให้การช่วยเหลือให้ที่พักพิงมาแล้ว ซึ่งนาทีนี้ สำหรับคนไทยไม่น้อยอาจต้องขอบคุณ นายฮุนเซน เสียด้วยซ้ำ ทำให้ “ตาสว่าง” พร้อมกับเชียร์อีกว่า ให้แฉออกมาอีก อย่าหยุด เอาให้ “บางคน” กระอักเลือดตายไปเลย !!
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO