UN เพิ่มงบสู้โลกร้อนใหม่ 10% จีนขยับรับผิดชอบมากขึ้น 20%
ประเทศต่าง ๆ เห็นชอบเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (26 มิถุนายน)ที่จะเพิ่มงบประมาณขององค์กรด้านสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ (UNFCCC) ขึ้น 10% สำหรับสองปีข้างหน้า ซึ่งองค์กรดังกล่าวได้ต้อนรับข้อตกลงนี้ในฐานะสัญญาณจากรัฐบาลทั่วโลกที่พร้อมร่วมมือกันรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีการเพิ่มสัดส่วนการสนับสนุนจากจีน
ข้อตกลงนี้ได้รับการเห็นชอบจากเกือบ 200 ประเทศ ตั้งแต่ญี่ปุ่น ซาอุดีอาระเบีย ไปจนถึงประเทศหมู่เกาะเล็ก ๆ อย่างฟิจิ ในการเจรจาสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติที่เมืองบอนน์ แม้ว่าในช่วงนี้จะมีการตัดลดงบประมาณอย่างมากในหน่วยงานอื่น ๆ ของสหประชาชาติ ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการที่สหรัฐอเมริกาลดการสนับสนุนของตน และกระแสต่อต้านเชิงการเมืองต่อแนวนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศที่มีความทะเยอทะยานในยุโรป
ประเทศต่าง ๆ เห็นชอบงบประมาณหลักจำนวน 81.5 ล้านยูโรสำหรับกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) สำหรับปี 2026-2027 ซึ่งเพิ่มขึ้น 10% จากงบประมาณปี 2024–2025 โดยงบประมาณหลักนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลของประเทศสมาชิก
ข้อตกลงดังกล่าวรวมถึงการเพิ่มส่วนแบ่งการสนับสนุนจากจีน สะท้อนถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยจีนซึ่งเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก จะรับผิดชอบงบประมาณส่วนใหม่ในสัดส่วน 20% เพิ่มจากเดิมที่อยู่ที่ 15% ขณะที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก ได้รับจัดสรรให้รับผิดชอบสัดส่วนสูงสุดที่ 22%
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยถอนตัวจากความตกลงปารีสว่าด้วยสภาพภูมิอากาศ และหยุดการสนับสนุนเงินทุนด้านสภาพภูมิอากาศในระดับนานาชาติ โดยมูลนิธิ Bloomberg Philanthropies ได้ให้คำมั่นว่าจะเข้ามารับภาระในส่วนของการสนับสนุนงบประมาณของ UNFCCC แทนสหรัฐฯ
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมเจรจาสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติในสัปดาห์นี้ที่เมืองบอนน์ ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นที่ที่มีการอนุมัติงบประมาณดังกล่าว
ไซมอน สไตล์ (Simon Stiell) หัวหน้าฝ่ายสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ กล่าวต้อนรับการเพิ่มงบประมาณครั้งนี้ว่าเป็น สัญญาณที่ชัดเจนว่ารัฐบาลต่าง ๆ ยังคงมองว่าความร่วมมือด้านสภาพภูมิอากาศภายใต้กรอบสหประชาชาติเป็นสิ่งจำเป็น แม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
UNFCCC ทำหน้าที่จัดการประชุมเจรจาด้านสภาพภูมิอากาศประจำปีระหว่างประเทศสมาชิก และช่วยผลักดันให้ข้อตกลงที่มีขึ้น เช่น ความตกลงปารีสปี 2015 ซึ่งมีเป้าหมายให้เกือบทุกประเทศจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก
องค์กรดังกล่าวต้องเผชิญภาวะงบประมาณขาดแคลนอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากประเทศผู้บริจาครายใหญ่ เช่น จีนและสหรัฐฯ ไม่ได้ชำระเงินตามกำหนด ส่งผลให้หน่วยงานต้องลดค่าใช้จ่าย รวมถึงการยกเลิกบางกิจกรรม
ต้นทุนดำเนินงานและจำนวนบุคลากรของ UNFCCC ซึ่งงบประมาณหลักสำหรับปี 2025 ครอบคลุมพนักงาน 181 คน ถือว่ามีขนาดเล็กกว่าหน่วยงานสหประชาชาติอื่น ๆ บางแห่งที่กำลังเผชิญการตัดงบประมาณอย่างหนัก เช่น องค์การการค้าและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติที่มีพนักงานประมาณ 400 คน
ขณะเดียวกัน สำนักงานเลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งเป็นแขนบริหารขององค์กร กำลังเตรียมตัดงบประมาณมูลค่า 3.7 พันล้านดอลลาร์ลง 20% ตามบันทึกภายในที่ได้รับการเปิดเผย