แนะติดตามหลายปัจจัยกระทบธุรกิจ แต่ยังมีสัญญาณบวกครึ่งปีหลัง
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 27 มิถุนายน 2568 เวลา 22.13 น. • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทกรุงเทพฯ 27 มิ.ย. – กรมพัฒนาธุรกิจการค้า แนะภาคธุรกิจจับตาสถานการณ์โลกและปัจจัยเสี่ยงภายในประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง แม้มีแรงกดดันจากความไม่แน่นอนหลายด้าน แต่ยังคงมีสัญญาณบวกจากมาตรการรัฐ นักลงทุนต่างชาติยังเชื่อมั่น และธุรกิจนวัตกรรมชีวภาพเติบโตต่อเนื่อง
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ยังต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน ทั้งความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและการค้าโลก มาตรการทางภาษีของประเทศคู่ค้า สถานการณ์ในตะวันออกกลาง ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา และความเคลื่อนไหวทางการเมืองภายในประเทศ ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนและประกอบธุรกิจในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ดี ยังมีสัญญาณบวกที่ช่วยเสริมความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจไทย เช่น มาตรการกระตุ้นของรัฐบาล อาทิ โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่าย การส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงการเจรจาข้อตกลงทางการค้ากับประเทศคู่ค้า ที่ช่วยขยายโอกาสให้ธุรกิจไทยในเวทีระหว่างประเทศ
ขณะเดียวกัน ภาพรวมการลงทุนจากต่างชาติยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 มีการลงทุนจากต่างชาติรวม 426 ราย เงินลงทุนรวม 88,943 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 24 โดยญี่ปุ่น สหรัฐฯ จีน สิงคโปร์ และฮ่องกง เป็นกลุ่มหลักที่เข้ามาลงทุนในธุรกิจหลากหลาย ทั้งเทคโนโลยี วิศวกรรม การผลิต และศูนย์กระจายสินค้า โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งดึงดูดเงินลงทุนมากถึงร้อยละ 54 ของทั้งหมด
อีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจดาวรุ่งที่กรมฯ เฝ้าติดตามคือ “ธุรกิจ Bio-Innovation” ซึ่งผสานเทคโนโลยีชีวภาพกับนวัตกรรมสมัยใหม่ พบว่ามีผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 13.08 เงินทุนจดทะเบียนพุ่งกว่า 5 เท่า และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ทั้งในด้านรายได้ การลงทุนจากต่างประเทศ และการตอบโจทย์เศรษฐกิจ BCG ของประเทศ
สำหรับภาพรวมการจดทะเบียนธุรกิจในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ 36,815 ราย ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 5.68 แต่มีเงินทุนจดทะเบียนรวม 131,027 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.89 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในเชิงมูลค่าการลงทุน กลุ่มธุรกิจหลักยังคงเป็นการก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และร้านอาหาร
ด้านการจดทะเบียนเลิกกิจการ มีจำนวน 4,776 ราย เพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 3.31 แต่ทุนจดทะเบียนเลิกลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึงร้อยละ 72 เหลือ 20,140 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงการปรับโครงสร้างของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่และการเปลี่ยนผ่านของธุรกิจขนาดเล็ก
นางอรมน ยังกล่าวเตือนนิติบุคคลที่ยังไม่ได้นำส่งงบการเงินประจำปี 2567 ซึ่งครบกำหนดแล้วว่า ขณะนี้ยังมีนิติบุคคลอีก 156,084 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 19.85 ของจำนวนที่ต้องส่งทั้งหมด ยังไม่ดำเนินการ โดยสามารถนำส่งผ่านระบบ DBD e-Filing ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หากยังละเลยจะถูกดำเนินคดีและเสียค่าปรับตามระยะเวลาที่ล่าช้า
ทั้งนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ประเทศไทยมีนิติบุคคลจดทะเบียนรวมกว่า 2 ล้านราย ทุนจดทะเบียนสะสม 30.84 ล้านล้านบาท โดยกว่าร้อยละ 54 ประกอบธุรกิจบริการ รองลงมาคือค้าส่ง/ค้าปลีก และการผลิต. -512 – สำนักข่าวไทย