โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เจาะวิกฤต Rule of Law: ทำไมผู้มีอำนาจลอยนวล แต่คนเปราะบางถูกลืม

THE STANDARD

อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • thestandard.co
เจาะวิกฤต Rule of Law: ทำไมผู้มีอำนาจลอยนวล แต่คนเปราะบางถูกลืม

กรุงวอร์ซอ โปแลนด์– “ทำไมความยุติธรรมจึงดูห่างไกลและไม่สม่ำเสมอ?

ทำไมผู้มีอำนาจดูเหมือนจะลอยนวล ในขณะที่คนเปราะบางยังคงไม่ได้รับความช่วยเหลือ?

ทำไมนักการเมืองมักทำ ‘เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง’ มากกว่าความต้องการของประชาชน?”

ผู้แทนจากเอเชียร่วมอภิปรายวิกฤตหลักนิติธรรมในงาน World Justice Forum 2025 ที่โปแลนด์

ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ประธานกรรมการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ)

คำถามอันทรงพลังเหล่านี้ถูกหยิบยกขึ้นมาโดย ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ประธานกรรมการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) กลางเวทีเสวนาย่อย ‘การเสริมสร้างความรับผิดชอบผ่านการปฏิรูปหลักนิติธรรมในเอเชียแปซิฟิก’ ณ การประชุมระดับโลก World Justice Forum 2025 ซึ่ง TIJ ร่วมจัดกับ World Justice Project (WJP) เวทีฟอรั่มปีนี้จัดขึ้นที่กรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์

นี่ไม่ใช่คำถามนามธรรม แต่คือเสียงสะท้อนของ ‘วิกฤตศรัทธาของสาธารณชน’ ที่กำลังกัดเซาะรากฐานของหลักนิติธรรมทั่วทั้งภูมิภาค และเป็นโจทย์ใหญ่ที่วงเสวนานี้พยายามถอดรหัสและหาทางออก ข้อมูลล่าสุดจาก WJP Rule of Law Index 2024 ยืนยันว่าหลักนิติธรรมทั่วโลกเสื่อมถอยลงเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน และมีถึง 57% ของประเทศทั่วโลกที่มีคะแนนลดลง

ดร.กิตติพงษ์ ย้ำว่า “โดยแก่นแท้แล้ว หลักนิติธรรมคือเรื่องของความยุติธรรม ศักดิ์ศรี และความไว้วางใจ” แต่ “หลักนิติธรรมไม่ได้ดำรงอยู่ได้ด้วยตัวเอง และความรับผิดชอบซึ่งเป็นรากฐานของความชอบธรรม จะต้องถูกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านศาลที่เป็นอิสระ สถาบันที่เปิดกว้าง การกำกับดูแลที่มีความหมาย และการเข้าถึงการเยียวยาที่ประชาชนสามารถไว้วางใจและเข้าถึงได้”

ดร.พิเศษ สอาดเย็น ผู้อำนวยการ TIJ

TIJ กับบทบาท ‘ผู้ลงมือทำ’

ดร.พิเศษ สอาดเย็น ผู้อำนวยการ TIJ ได้ฉายภาพให้เห็นถึงความพยายามของไทยในการขับเคลื่อนการปฏิรูปหลักนิติธรรมท่ามกลางภูมิทัศน์การเมืองที่ผันผวนในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เขากล่าวว่า ในช่วงเวลานั้น “วาทกรรมหลักที่ชี้นำเรื่องการปฏิรูปหลักนิติธรรมคือ ทุกคนบอกว่าสำคัญมาก และถูกบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่กลับไม่มีใครมีภาพที่ชัดเจนเลยว่าจะเริ่มต้นทำอะไรกับแนวคิดเรื่องหลักนิติธรรมนี้ดี”

TIJ จึงเห็นช่องว่างนี้ และได้นำเครื่องมือที่ทรงพลังอย่างดัชนีหลักนิติธรรม (Rule of Law Index) ของ WJP มาใช้เป็น ‘เข็มทิศร่วม’ ซึ่งในปี 2024 นี้ จัดให้ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 78 ของโลก ด้วยคะแนน 0.50 เต็ม 1.00 แต่ที่น่าสนใจคือคะแนนของไทยปรับตัวดีขึ้น 1.5% จากปีก่อนหน้า ดร.พิเศษอธิบายว่า “เราเห็นช่องว่างตรงนั้น และเราได้ใช้ประโยชน์จากระเบียบวิธีของดัชนีที่เข้มแข็งนี้ และพยายามเสนอว่า แทนที่เราจะเสียเวลาไปกับการถกเถียงเรื่องความหมายหรือนิยาม เรามาใช้มาตรวัดที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังอย่างดัชนีหลักนิติธรรมเพื่อนำทางการพูดคุยกันดีกว่า”

ดร.ศรีรักษ์ พลิพัฒน์ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก World Justice Project

ดร.ศรีรักษ์ พลิพัฒน์ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ WJP ได้เล่าเบื้องหลังว่าก่อนที่จะมาจับมือกับ TIJ เคยพยายามพูดคุยกับหน่วยงานรัฐบาลไทยถึง 4 แห่ง เพื่อหาทางยกระดับคะแนนดัชนี แต่ละหน่วยงานต่างเห็นว่าเป็นแนวคิดที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ส่งต่อให้เขาไปคุยกับหน่วยงานถัดไป จนกระทั่ง TIJ เป็นหน่วยงานที่ 5 และพวกเขาไม่ได้ส่งผมต่อไปที่หน่วยงานที่ 6 แต่กลับบอกว่า “มาทำให้เกิดขึ้นกันเถอะ”

จากจุดนั้น TIJ ได้กลายเป็นแกนหลักในการเชิญผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานรัฐกว่า 100 คนมาร่วมกันระดมสมอง เพื่อหาปัญหาและทางออกใน 15 ประเด็นที่รัฐบาลไทยต้องการปรับปรุงให้ดีขึ้น

ดร.พิเศษ ย้ำว่า “ไม่ใช่การแก้ปัญหาแบบครั้งเดียวจบสำหรับ TIJ เรารู้ดีว่านี่คือเกมระยะยาว” และหัวใจสำคัญคือการทำให้เรื่องนี้เข้าถึงประชาชน “คุณไม่สามารถปล่อยให้นักกฎหมายเป็นผู้นำในการถกเถียงเรื่องนี้แต่เพียงฝ่ายเดียวได้ คุณต้องทำให้ความท้าทายของหลักนิติธรรมเป็นสิ่งที่คนธรรมดา คนเดินถนน รู้สึกเชื่อมโยงได้ และสามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทั้งหมด”

บทเรียนราคาแพงจากเกาหลีใต้: เมื่อผู้พิพากษาและอัยการตกอยู่ใต้อิทธิพลการเมือง

ในขณะที่ไทยกำลังแสวงหาหนทาง ผู้พิพากษา แจวู จุง จากศาลชั้นต้นจินจู ประเทศเกาหลีใต้ ได้แบ่งปันเรื่องราวที่เปรียบเสมือน ‘บทเรียนราคาแพง’ แม้ว่าเกาหลีใต้จะอยู่ในอันดับที่ 19 ของโลกด้วยคะแนนที่ค่อนข้างสูงคือ 0.74 แต่เขาได้เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่าประเทศกำลังเผชิญกับความท้าทายที่สั่นคลอนรากฐานของหลักนิติธรรม

ผู้พิพากษาจุงเล่าย้อนไปถึงคดีอื้อฉาวสั่นคลอนวงการยุติธรรมเกาหลีใต้หลายคดีติดต่อกัน:

  • คดีสินบนนักการเมือง: ประธานบริษัทใหญ่ฆ่าตัวตาย พร้อมทิ้งบันทึกการจ่ายสินบนให้นักการเมืองระดับสูง แต่สุดท้ายไม่มีใครถูกลงโทษเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ
  • คดีอดีตผู้พิพากษาเรียกรับเงิน: ทนายความซึ่งเป็นอดีตผู้พิพากษา เรียกรับเงินจากลูกความถึง 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยอ้างว่าจะนำไปวิ่งเต้นผู้พิพากษาที่กำลังทำคดี กรณีเช่นนี้ได้ทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนต่อศาลอย่างรุนแรง
  • คดี ‘ผู้พิพากษาเรนจ์โรเวอร์’: ผู้พิพากษาอาวุโสรับสินบนเป็นรถยนต์เรนจ์โรเวอร์และเงินสดจากซีอีโอบริษัทเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่ และสุดท้ายถูกตัดสินจำคุก 7 ปี “เป็นช่วงเวลาที่น่าอัปยศอย่างยิ่ง และผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของสาธารณชนยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้” ผู้พิพากษาจุงกล่าว

ที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ สถานการณ์ล่าสุดที่คุกคามหลักนิติธรรมอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนคือ ‘การประกาศกฎอัยการศึก’ โดยอดีตประธานาธิบดีในปี 2024 แม้จะถูกสภาโหวตยกเลิกได้ในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง แต่เหตุการณ์นี้ได้ปลุกความทรงจำอันเจ็บปวดของคนเกาหลีใต้ และแสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบ

อินเดีย: มหาอำนาจตุลาการในภาวะวิกฤต

ผู้พิพากษามาดัน บี. โลกูร์ อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาอินเดีย ได้สะท้อนภาพความท้าทายของประเทศที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อน เขากล่าวว่าระบบยุติธรรมของอินเดียกำลังเผชิญ ‘ภาวะวิกฤต’ จากจำนวนคดีที่สูงจนน่าตกใจ และตำแหน่งผู้พิพากษาที่ว่างลงถึง 20% ซึ่งสถานการณ์นี้สะท้อนออกมาในคะแนนดัชนีที่ 0.50 อยู่อันดับที่ 79 ของโลก ซึ่งใกล้เคียงกับประเทศไทยอย่างมาก

ปัญหาเชิงโครงสร้างที่สำคัญคือ ‘ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการ’ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นหลังจากศาลฎีกาตัดสินว่า กฎหมายที่รัฐบาลเสนอ เพื่อจัดตั้งคณะกรรมการแต่งตั้งผู้พิพากษาแห่งชาตินั้น ‘ขัดต่อรัฐธรรมนูญ’ เพราะกระทบต่อความเป็นอิสระของศาล

อินเดียพยายามแก้ปัญหาด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ เช่น โครงการ e-Courts และ ฐานข้อมูลตุลาการแห่งชาติ (National Judicial Data Grid) ซึ่งเปิดเผยข้อมูลทุกคดีสู่สาธารณะ ทำให้สามารถติดตามและประเมินผลการทำงานของผู้พิพากษาแต่ละคนได้อย่างโปร่งใส ผู้พิพากษาโลกูร์ยอมรับว่าการทุจริตยังคงเป็นปัญหาใหญ่ แต่หัวใจสำคัญที่สุดคือการย้ำเตือนว่า “ความยุติธรรมต้องเป็นไปเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อผู้พิพากษาหรือรัฐบาล พลเมืองต่างหากที่ต้องเป็นศูนย์กลางของความยุติธรรม”

มุมมองจากญี่ปุ่น: การปฏิรูปต้องใช้เวลาและข้อมูล

โนโซมิ อิวามา จากหน่วยงานความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ได้นำเสนอมุมมองของหน่วยงานผู้ให้การสนับสนุนการพัฒนา โดยญี่ปุ่นเองเป็นประเทศที่มีหลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง ได้รับคะแนน 0.79 และอยู่ในอันดับที่ 14 ของโลก เธอกล่าวว่า JICA สนับสนุนการปฏิรูปกฎหมายในเอเชียมานานกว่า 30 ปี โดยเน้นแนวทางที่ยึดผู้รับเป็นศูนย์กลางและเป็นการสนับสนุนในระยะยาว

เธอยกตัวอย่างการสนับสนุนเมียนมา ที่ JICA เริ่มจากการสร้างขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่ก่อน แล้วจึงค่อยไปสู่การร่างกฎหมายแพ่ง ซึ่งใช้เวลาหลายปีกว่าจะสำเร็จ เธอยอมรับว่า แม้ JICA จะทำงานมานาน แต่การวัดผลที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Interventions) ยังเป็นจุดที่ต้องพัฒนา ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการเก็บข้อมูลอย่างจริงจังในการปฏิรูปทุกระดับ

เวทีเสวนาย่อย ‘การเสริมสร้างความรับผิดชอบผ่านการปฏิรูปหลักนิติธรรมในเอเชียแปซิฟิก’

อนาคตของหลักนิติธรรมในภูมิภาค

บทสรุปจากเวทีนี้ชัดเจนว่า วิกฤตศรัทธาต่อหลักนิติธรรมเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วทั้งภูมิภาค ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของ WJP ที่ชี้ว่าปัจจัยที่ทำให้คะแนนทั่วโลกตกต่ำลงมากที่สุดคือ การจำกัดอำนาจรัฐบาล และ การคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐาน ที่อ่อนแอลง การแทรกแซงทางการเมือง การทุจริต และระบบที่ไม่ตอบสนองต่อประชาชนคือ ‘ความท้าทายร่วมกัน’

การลุกขึ้นมาของภาคประชาสังคมอย่าง TIJ การใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีเพื่อสร้างความโปร่งใส และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่หลากหลาย คือเครื่องมือสำคัญในการต่อสู้ครั้งนี้

การเดินทางเพื่อสร้างหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งยังอีกยาวไกลและต้องอาศัยการลงแรงจากทุกภาคส่วน อย่างที่ ดร. กิตติพงษ์ ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า “การยืนหยัดเพื่อหลักนิติธรรมนั้นเป็นมากกว่าการปกป้องหลักการ แต่คือการกำหนดรูปแบบสังคมที่เราอยากจะอยู่ และอนาคตที่เราอยากจะทิ้งไว้เบื้องหลัง”

ภาพ: Stock Studio 4477/ Shutterstock

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STANDARD

ประวิตรชี้ รัฐประหารไม่ควรอีกแล้ว นายกฯ ควรรับฟังเสียงประชาชน ลาออกหรือยุบสภา เปิดโอกาสให้ประชาชนเลือกผู้นำใหม่

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘สมุย’ แรงต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวทะลุ 1.1 ล้านคนใน 4 เดือนแรก ยุโรปยังเป็นแม่เหล็ก ชี้ ‘สุขภาพ’ คือขุมทรัพย์ใหม่ของเกาะ

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ถอดความคิด ‘ศุภวุฒิ สายเชื้อ’ และ ‘บรรยง พงษ์พานิช’ ฉายภาพทางรอดเศรษฐกิจและหุ้นไทย

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

อนุทินนำทีมภูมิใจไทยลงพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม มอบสิ่งของ-ให้กำลังใจทหารแนวหน้า

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

ญาติเหยื่อเก๋งตำรวจย้อนศรดับคาใจ! เผยคู่กรณีมาขอโทษสภาพคล้ายคนเมา หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม

Manager Online

ปตท. ครองบริษัทชั้นนำอันดับ 1 ในไทย และอันดับ 2 ใน Southeast Asia 2 ปีซ้อน

สำนักข่าวไทย Online

ช็อก! หญิงเลี้ยงหลานชายจนผูกพันลึก พลาดมีสัมพันธ์เกินเลย วอนสังคมหาทางออก

เดลินิวส์

ไบโอเทค โชว์ศักยภาพ ศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ นำงานวิจัยและเทคโนโลยีชีวภาพ ประยุกต์ใช้หลากสาขาสู่การพัฒนาประเทศ

Manager Online

ราชกิจจาฯ ประกาศ กฎหมายใหม่ กำหนดเวลาขายเหล้า-เบียร์ มีผลแล้ว

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

ราชกิจจาฯ ประกาศ 'พรรคดัง' สิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง

TNews

รู้จัก “บิ๊กแก้ว” ว่าที่ รมว.กลาโหม ครม.อิ๊งค์ 1/2

Manager Online
วิดีโอ

เทคโนโลยีอวกาศตรวจสอบคาร์บอนในพื้นที่ป่า

Thai PBS

ข่าวและบทความยอดนิยม

เผด็จการในคราบประชาธิปไตย: ถอดรหัสสงครามเงียบกัดกร่อนหลักนิติธรรมโลก

THE STANDARD

‘นิติธรรมคือการลงทุน’ เวที WJF ถกทางรอดวิกฤต Rule of Law

THE STANDARD

Stand Up for the Rule of Law: เสียงเตือนจากวอร์ซอ เมื่อหลักนิติธรรมโลกกำลังถูกโจมตี

THE STANDARD
ดูเพิ่ม
Loading...