กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์เปิด4กลยุทธหนุนเติบโตยั่งยืน-เตือนบาทครึ่งปีหลังยังเสี่ยงสูง
นายฮิโรทากะ คุโรกิ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน)(BAY)เปิดเผยว่า ในปี 2568 นี้ กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ มุ่งสร้างการเติบโตของธุรกรรมอย่างต่อเนื่อง แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะยังมีความท้าทายจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ โดยกำหนด 4 กลยุทธ์หลักซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ คือการสนับสนุนผลิตภัณฑ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับมิติ ESG การส่งเสริมธุรกรรมสกุลเงินเกิดใหม่ การขยายฐานธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัล และ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น โดยในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ปริมาณธุรกรรมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของกรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเติบโตมากกว่าอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราการส่งออกและนำเข้าในไตรมาสแรกของปีนี้ และคาดว่าจะสามารถรักษาระดับการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วย 4 กลยุทธ์หลักดังกล่าว
"หากพิจารณาสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน เราจะพบว่ามีทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศที่ส่งผลกระทบและเป็นความท้าทายต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการส่งออก อย่างไรก็ตาม กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ จะยังคงขับเคลื่อนธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งสนับสนุนลูกค้าและผู้ประกอบการไทยให้สามารถดำเนินธุรกิจท่ามกลางความท้าทายดังกล่าวได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนด้วยเช่นกัน"
ด้านนางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อํานวยการอาวุโส สายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน) กล่าวถึงทิศทางค่าเงินบาทในช่วงครึ่งปีหลังว่า อัตราแลกเปลี่ยนจะกลับมาผันผวนสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และผลต่อต้นทุนพลังงาน โดยประเมินว่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าเล็กน้อยในไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 ในกรอบกว้างที่ 31.75-34.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ บนสมมติฐานสำคัญที่ว่าสหรัฐฯอาจลดดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ และปัจจัยลบของเงินดอลลาร์ในตลาดโลกยังคงดำเนินต่อไป
"สกุลเงินของเศรษฐกิจกำลังพัฒนาที่พึ่งพาการส่งออกสูง รวมถึงเงินบาท อาจอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก เช่น เงินเยน และเงินยูโร ขณะที่การค้าโลกเข้าสู่ภาวะซบเซา อนึ่ง คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)อาจลดดอกเบี้ยนโยบายอีกอย่างน้อย 0.25% ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 จากระดับ 1.75% ในปัจจุบัน เพื่อประคองเศรษฐกิจซึ่งเผชิญหลากหลายความเสี่ยงด้านขาลง"
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO