ศาลตัดสินจำคุก 5 ผู้ต้องหาลักลอบขุดแร่ทองคำในอุทยานทองผาภูมิ – ไม่รอลงอาญา
จากนโยบายของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายป่าและล่าสัตว์อย่างจริงจังและเฉียบขาด นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้สั่งการให้เร่งรัดติดตามและดำเนินคดีกับกลุ่มที่ลักลอบละเมิดทรัพยากรธรรมชาติทุกกรณี
ล่าสุด วันที่ 25 ก.ค. นายชุติเดช พรหมรักษา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ศาลจังหวัดทองผาภูมิ ได้มีคำพิพากษาจำคุกผู้ต้องหาทั้ง 5 รายในคดีลักลอบขุดแร่ทองคำในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิและเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาช้างเผือก เป็นระยะเวลา 3 ปีถึง 3 ปี 4 เดือน โดยไม่มีการรอลงอาญา พร้อมสั่งให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายต่อกรมอุทยานฯ จำนวน 112,020 บาท และให้ริบของกลางที่เกี่ยวข้องรวม 12 รายการ
โดยเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ สวอ.16/2568 และแดงที่ สวอ.22/2568 ซึ่งพนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเตี้ย, นายไพรัช, นายยอ, นายปาย และนายทวาย ซึ่งไม่มีนามสกุล เป็นจำเลยที่ 1 ถึง 5 ในความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484, พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507, พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522
ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกจับกุมเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 จากการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ทองผาภูมิ ร่วมกับทหาร ฉก.ลาดหญ้า และตำรวจ สภ.ปิล๊อก ที่เข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าปิล๊อกคี่ หมู่ 4 ตำบลปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ซึ่งพบการบุกรุก แผ้วถาง และลักลอบขุดดินเพื่อหาแร่ทองคำในเขตพื้นที่กว่า 14 ไร่
ของกลางที่ตรวจยึดได้ในพื้นที่ประกอบด้วย ครกหิน กระสอบดิน รถจักรยานยนต์ 4 คันที่ไม่ติดป้ายทะเบียน และอุปกรณ์อื่น ๆ รวม 12 รายการ
จำเลยทั้ง 5 คนให้การรับสารภาพ ศาลจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง โดยมีคำพิพากษาดังนี้:
นายเตี้ย, นายยอ, นายปาย และนายทวาย จำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน
นายไพรัช จำคุก 3 ปี
ทั้งนี้ ศาลมีคำสั่งให้จำเลยทั้ง 5 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 112,020 บาท และริบของกลางทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด
นายยุทธพงศ์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เน้นย้ำว่า พื้นที่ดังกล่าวถือเป็นเขตป่าต้นน้ำคุณภาพชั้น 1 เอ ซึ่งมีประกาศห้ามเข้าหรือดำเนินกิจกรรมใด ๆ ที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยเด็ดขาด พร้อมย้ำว่า หากตรวจพบการกระทำผิดในลักษณะนี้อีก จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดโดยไม่มีข้อยกเว้น
“พื้นที่ป่าคือสมบัติของแผ่นดิน การบุกรุกไม่เพียงผิดกฎหมาย แต่เป็นการบ่อนทำลายอนาคตของระบบนิเวศและทรัพยากรของชาติ” — นายยุทธพงศ์ กล่าว.