สดุดีวีรกรรมทหารกล้า สมรภูมิ "ปราสาทตาควาย" เบื้องหลัง- และคำขอโทษจาก ทบ. ** ระทึก! ใกล้ถึงวันชี้ชะตา “สองพ่อลูก ชินวัตร” อนาคตแขวนไว้ที่ศาล!
ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ สดุดีวีรกรรมทหารกล้า สมรภูมิ "ปราสาทตาควาย" เบื้องหลัง- และคำขอโทษจาก ทบ.
พื้นที่ "ปราสาทตาควาย" เป็นอย่างไรกันแน่? หลังเดตไลน์หยุดยิง
อย่างที่ทราบๆ กันดี ..ท่ามกลางคำถาม เสียงปืน ควันระเบิด และความตึงเครียดปะทะเดือดบนแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ณ สมรภูมิ “ปราสาทตาควาย” ทหารกล้าไทยได้แสดงความเสียสละด้วยหัวใจกล้าแกร่ง เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยแม้ต้องแลกด้วยชีวิต และอวัยวะของตน
"วาสนา นาน่วม" นักข่าวสายทหารชื่อดัง รายงานเบื้องลึกของเหตุการณ์ว่า ทหารไทยต้องเผชิญสถานการณ์ที่เสียเปรียบ ทั้งด้านภูมิประเทศที่อยู่ต่ำกว่า และกับระเบิดที่ฝ่ายกัมพูชาวางล้อมตัวปราสาทไว้หนาแน่น ทหารไทยหลายคนเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ สูญเสีย แต่ยังคงบุกฝ่า “Killing Zone” เข้าไปอย่างหาญกล้า หวังยึดคืนจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ก่อนถึงเส้นตายการหยุดยิง
แม้ทัพอากาศไทย ส่ง F-16 เข้าสนับสนุน แต่ก็ระดมยิงเฉพาะแนวรบรอบนอก ไม่แตะต้องตัวปราสาทโดยตรง ทหารเขมรเอง ก็สูญเสียไม่น้อยจากการสู้รบที่ดุเดือด
นั่นทำให้เกิดคำถามว่า ตกลงเราไม่ได้ปราสาทตาควายมา ฝ่ายเขมรยังคงยึดครองอยู่
พร้อมๆ กับมีภาพของ นักข่าวกัมพูชา เข้าพื้นที่ปราสาทตาควาย 30 ก.ค. 68 วันที่ กัมพูชา พา ผู้ช่วยทูตทหาร และนักข่าว ลงหลายพื้นที่ ยืนยันว่า ทหารเขมรยึดตัวปราสาทตาควาย ได้
แม้ทหารไทยจะพยายาม เข้ายึดคืนก็ตาม
ต่อมา "พลตรี วินธัย สุวารี" โฆษกกองทัพบก ได้แถลงยอมรับว่า ฝ่ายไทยไม่ได้ยึดตัวปราสาทตาควายโดยตรง แต่ควบคุมพื้นที่รอบนอกไว้ได้ ซึ่งในทางยุทธศาสตร์ ถือว่ามีความสำคัญยิ่ง เนื่องจากตัวปราสาทนั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ต่ำ ส่วนเนิน 350 ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ กลับถูกกัมพูชาล้อมด้วยสนามทุ่นระเบิดใหม่จำนวนมาก โดยเฉพาะชนิด PMN-2 ที่เป็นกับระเบิดสังหารบุคคล
ขณะเดียวกัน โฆษกกองทัพบก ก็ขอโทษคนไทยที่ทำให้ประชาชนเสียความรู้สึกจากที่เคยเข้าใจว่า ทหารไทยยึดตัวปราสาทตาควาย ได้ ที่ผ่านมากองทัพบก อาจสื่อสารไม่ละเอียด แต่ไม่เคยพูดว่า เรายึดตัวปราสาทตาควายได้ดังกล่าว
ส่วนความเคลื่อนไหวทั่วไป มีรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ฝ่ายกัมพูชายังคงเพิ่มกำลังพล ฝ่าฝืนข้อตกลงหยุดยิง และมีการใช้อากาศยานไร้คนขับ บินสำรวจจุดยุทธศาสตร์ของฝ่ายไทยในหลายพื้นที่ ตั้งแต่ ช่องอานม้า ภูมะเขือ จนถึงช่องสายตะกู จังหวัดบุรีรัมย์
ขณะเดียวกัน ฝ่ายไทยสามารถควบคุมตัวทหารกัมพูชา จำนวน 20 นาย ที่กระสุนหมด และยอมจำนนในพื้นที่ช่องซำแต พร้อมอาวุธและวัตถุระเบิดจำนวนมาก ทหารที่บาดเจ็บ ถูกส่งเข้ารับการรักษาพร้อมตรวจสภาพจิตใจจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งสะท้อนภาพความตึงเครียด ของแนวหน้ายังดำเนินต่อไป
อย่างไรก็ดี ย้อนมาที่เรื่องราว "ปราสาทตาควาย" ทหารหาญได้ทำหน้าที่ ปกป้องผืนแผ่นดิน ด้วยชีวิตเป็นเดิมพัน เขมรจะยึดครองตัวปราสาทได้ ก็ต้องยอมรับความจริง เพราะใช้วิธีที่อารยประเทศไม่ทำกันเช่น "ทุ่นระเบิด" เขาอาจชนะพื้นที่ตรงนั้น แต่ทหารของเราชนะหัวใจคนไทยทั้งชาติ
วีรกรรมของทหารไทยในสมรภูมินี้ ไม่ใช่แค่การรบเพื่อแย่งชิงจุดยุทธศาสตร์ แต่คือการต่อสู้เพื่อ เกียรติยศ อธิปไตย และศักดิ์ศรีของชาติไทย
ขอกราบหัวใจนักรบทุกนาย ที่ยืนหยัด แม้รู้ว่าข้างหน้าคือกับระเบิด
ขอสดุดีผู้เสียสละทั้งชีวิต และอวัยวะเพื่อผืนแผ่นดินไทย
และขอส่งแรงใจไปยังทุกกองร้อยแนวหน้าทุกท่าน
พวกท่านไม่ได้สู้ลำพัง เพราะหลังพวกท่าน…คือคนไทยทั้งแผ่นดิน!
++ ระทึก! ใกล้ถึงวันชี้ชะตา “สองพ่อลูก ชินวัตร” อนาคตแขวนไว้ที่ศาล!
ก่อนหน้านี้้ ถ้าใครยังจำกันได้ ปรากฏว่าได้มีลูกพรรคของพรรคเพื่อไทย อย่าง “ก่อแก้ว พิกุลทอง” ส.ส.บัญชีรายชื่อ อาศัยสถานการณ์สงคราม ระหว่างไทย-กัมพูชา เรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณายกเลิกคำสั่ง ที่ให้ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร หยุดการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว
โดยอ้างว่า ในยามที่ประเทศกำลังเผชิญภาวะสงคราม ผู้นำซึ่งมีอำนาจเต็ม ย่อมเป็นสิ่งจำเป็น
ปรากฏว่า นอกจากศาลรัฐธรรมนูญจะไม่ได้มีคำสั่งตามข้อเรียกร้องดังกล่าว แต่ยังได้กำหนดเส้นตายที่สำคัญขึ้นมาด้วยว่า ให้โอกาส “แพทองธาร” ทำคำชี้แจงได้ถึงวันที่ 4 สิงหาคมนี้ เท่านั้น หลังจากได้รับการขยายเวลาอีกครั้ง
โดยในเรื่องการขยายเวลานั้น ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงมีมติ เสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ออกไปจนถึงวันที่ 4 สิงหาคม 2568 เป็นครั้งสุดท้าย หากไม่ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าไม่ติดใจที่จะยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และศาลรัฐธรรมนูญ จะดำเนินกระบวนการพิจารณา ต่อไป
ประเด็นนี้ ตุลาการเสียงข้างน้อยที่เห็นไม่ควรอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ประกอบด้วย นายปัญญา อุดชาชน ,นายวิรุฬห์ แสงเทียน , นายจิรนิติ หะวานนท์ และ นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์
สำหรับคดี“คลิปเสียง” หลานอิ๊งค์ กับลุงฮุน นี้ ศาลรัฐธรรมนูญ ขีดเส้นไว้แค่ วันที่ 4 สิงหาคม เท่านั้น ซึ่งหากนับจากวันนี้ ก็เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น และมีความเป็นไปได้ว่า เมื่อถึงกำหนดแล้ว ศาลฯจะกำหนดนัดวันวินิจฉัยชี้ขาด ว่าจะมีขึ้นในวันที่เท่าไร
อันที่จริง คดีนี้ ไม่ได้มีความซับซ้อน ไม่จำเป็นต้องสืบหาพยานหลักฐานอะไรมากมาย เพราะ“แพทองธาร” ก็ยอมรับว่าเป็นคนพูดคุยกับ “ฮุน เซน” จริง เพียงแต่อ้างว่า ที่ต้องทำตัวสนิทสนมเหมือนญาติ หรือการบอกว่า แม่ทัพภาค 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม แถมยังบอกว่า พร้อมที่จะทำตาม หรือจัดการตามที่ฝ่ายกัมพูชาต้องการนั้น เป็นเพียงเทคนิคการเจรจาเท่านั้น
แต่ศาลฯจะเชื่อตามนั้นหรือไม่ เพราะจะเห็นว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้รับเรื่องไว้พิจารณา และ “แพทองธาร” ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว จนกว่ามีคำวินิจฉัยออกมานั้น พอจะเปรียบได้ว่า “เรื่องนี้มีมูล” ซึ่งเป็นเรื่องที่ชวนให้ระทึกใจไม่น้อย กับผลที่จะออกมา
ที่สำคัญคือ ศาลรัฐธรรมนูญ คงจะใช้เวลาไม่นานในการพิจารณาเรื่องนี้
อีกด้านหนึ่ง มีความเคลื่อนออกมาจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ไต่สวนคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ของ “ทักษิณ ชินวัตร” ในกรณี “ป่วยทิพย์” ครบแล้ว
ที่ผ่านมา มีการไต่สวน ฝ่ายเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ตัวแทนจากแพทยสภา และแพทย์ที่รับผิดชอบในการรักษา “ทักษิณ” ที่ รพ.ตำรวจ และล่าสุดมีการไต่สวน “วิษณุ เครืองาม” อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรักษาการ รมว.ยุติธรรม ในขณะนั้น เป็นปากสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว
และศาลได้นัดฟังคำสั่ง “คดีป่วยทิพย์” ในวันที่ 9 ก.ย. 68 เวลา 10.00 น. พร้อมสั่งให้ “ทักษิณ ชินวัตร” และ “ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ” มาฟังคำสั่งในวันดังกล่าวด้วย
อย่างไรก็ตาม มีประเด็นที่น่าสนใจ ในช่วงการไต่สวน “วิษณุ เครืองาม” ที่ “นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม” ประธานพรรคไทยภักดี นำมาโพสต์แสดงความเห็นไว้ว่า … การให้ปากคำของ “อาจารย์วิษณุ” โดยรวมแล้วไม่เป็นคุณต่อนักโทษ เหมือนพยายามที่จะแยกตัวเองออกมา
เอาเป็นว่า ตอนนี้การเดินทางของ “สองพ่อลูก” ครอบครัวชินวัตร ได้มาถึงจุดสำคัญ เป็นบทสรุปที่จะชี้ชะตาอนาคต คือ พ่อมีโอกาสกลับไปติดคุก ส่วนลูกพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ซึ่งที่ผ่านมาบรรดากูรูด้านกฎหมาย หลายคน ฟันธงออกมาแล้วว่า “รอดยาก” ทั้งคู่
ตอนนี้มีการตั้งประเด็นลุ้นกันใหม่ว่า ระหว่างศาลรัฐธรรมนูญ กับศาลฎีกาฯ ศาลไหนจะตัดสินก่อนกัน !!
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO