‘ผีใช้ได้ค่ะ’ จากเวทีคานส์สู่เส้นทางออสการ์ และภาพยนตร์ไทยที่กลายเป็นบทสนทนาโลก

เมื่อพูดถึงความสำเร็จของภาพยนตร์ไทยในปี 2025 เรื่อง ‘ผีใช้ได้ค่ะ (A Useful Ghost)’ ผลงานกำกับโดย รัชชภูมิ บุญบรรชโชค คงเป็นลิสต์อันดับต้นๆ ที่หลายคนนึกถึง เพราะเคยสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้ารางวัล Grand Prix จากสาย Critics’ Week ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปีนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่หนังไทยได้รับเกียรติสูงสุดในสายนี้ และยังตอกย้ำความสำคัญของผลงานภาพยนตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเวทีโลก นอกจากนี้ความสำเร็จไม่ได้เป็นเพียงการยืนยันคุณภาพเชิงศิลปะ แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงพลังของการเล่าเรื่องที่มีทั้งอารมณ์ขัน ความเศร้า และการเสียดสีการเมืองไทยที่แยบคาย

เรื่องราวในหนังติดตามชีวิตของ “มาร์ช” นำแสดงโดย โมสต์-วิศรุต หิมรัตน์ ผู้ชายที่สูญเสียภรรยาอย่าง “แนท” รับบทโดย ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่ ที่จากโลกนี้ไปด้วยโรคที่เกี่ยวพันกับมลภาวะ แต่กลับต้องเผชิญความจริงสุดเหนือจริงเมื่อภรรยาของเขากลับมาในรูปแบบวิญญาณที่สิงอยู่ในเครื่องดูดฝุ่นเพื่อปกป้องลูกชาย ภาพยนตร์ใช้ความแฟนตาซีที่ชวนขำเป็นเครื่องมือเล่าเรื่องที่จริงจังและเจ็บปวด เช่น การสูญเสีย ความทรงจำทางการเมืองที่ถูกลืม และความอยุติธรรมในสังคมไทย ซึ่งสัญลักษณ์อย่าง “ฝุ่น” ถูกใช้เป็นตัวแทนของสิ่งที่รัฐบาลพยายามกลบเกลื่อน แต่ก็ยังคงวนเวียนไม่หายไป

ความโดดเด่นของ ผีใช้ได้ค่ะ ไม่เพียงแต่อยู่ที่โครงเรื่อง แต่มีการสร้างสรรค์เชิงภาพและเสียงที่โดดเด่น งานกำกับศิลป์ที่จัดองค์ประกอบอย่างบรรจง การตัดต่อที่มีจังหวะเฉพาะตัว และซาวด์ที่เพิ่มมิติให้กับประสบการณ์การดูภาพยนตร์ สิ่งเหล่านี้ทำให้ภาพยนตร์ได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์นานาชาติ ว่าเป็นการเล่าเรื่องแบบร่วมสมัยที่กล้าพูดถึงบาดแผลทางสังคมผ่านภาษาใหม่ๆ ของภาพยนตร์

หลังจากประสบความสำเร็จที่เทศกาลหนังเมืองคานส์ เรื่องนี้ยังได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม (Best International Feature Film) ในเวทีออสการ์ครั้งที่ 98 ซึ่งก้าวนี้ยิ่งตอกย้ำกระแสต่อวงการภาพยนตร์ไทยมากขึ้น เพราะไม่เพียงทำให้ชื่อของผู้กำกับรุ่นใหม่ถูกจับตา แต่ยังเป็นการเปิดพื้นที่ให้เรื่องเล่าของสังคมไทยก้าวสู่เวทีโลกในฐานะ “ภาพสะท้อนสากล” ที่ผู้ชมทุกชาติสามารถเชื่อมโยงได้

การเดินทางจากคานส์สู่ออสการ์ของ ผีใช้ได้ค่ะ จึงไม่ได้เป็นเพียงความสำเร็จเชิงรางวัล แต่เป็นสัญญาณว่า “ภาพยนตร์ไทยกำลังยืนอยู่ในจุดที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะพื้นที่ที่ผู้สร้างสามารถใช้ศิลปะภาพยนตร์ในการเปิดบทสนทนาสังคมและการเมืองได้อย่างทรงพลัง นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของ “หนังน้ำดี” แต่คือบทพิสูจน์ว่า “ภาพยนตร์ไทยสามารถสร้างแรงกระเพื่อมในโลกได้อย่างแท้จริง”

Note : The information in this article is accurate as of the date of publication.