‘สนธิญา’ ร้อง DSI สอบ ‘ศิริกัญญา-2 สส.’ ปมสายปริศนาซื้อเสียงหนุนงบฯ 69-กาสิโน หัวละ 10 ล้าน
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 15 ส.ค. ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เดินทางยื่นหนังสือถึง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคประชาชน (ปชน.) จำนวน 3 ราย ได้แก่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) และ 2 สส.จังหวัดขอนแก่น พรรคประชาชน คือ นายชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง นายวีรนันท์ อวดศรี อ้างว่ามีการโทรศัพท์ของสายปริศนาขอซื้อคะแนนเสียงให้ยกมือสนับสนุนผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 และร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) จำนวนรายละ 10 ล้านบาท ด้วยเหตุการณ์เหล่านี้ มีการอ้างและเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ทำให้สถาบันนิติบัญญัติที่เป็นสถาบันหลักเสียหายและถูกดูหมิ่นดูแคลน เพื่อความกระจ่างชัด จึงอาศัยบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 50 มาตรา 41 (1)(2) ร้องขอให้ดีเอสไอตรวจสอบข้อเท็จจริง และขอให้ตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ที่โทรฯ เข้ามายัง สส. ทั้ง 2 ราย ว่าปลายสายเป็นใคร ตัวแทนพรรคการเมืองใด เพื่อดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้แทนรับเรื่อง
โดย นายสนธิญา เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคประชาชน จังหวัดขอนแก่น 2 ราย และ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ได้มีการไปพูดผ่านรายการทีวีรายการหนึ่ง อ้างว่ามีคลิปเสียงโทรศัพท์ โทรฯ เข้ามาเพื่อเจรจาจะจ่ายเงินให้ 10 ล้านบาท เพื่อขอให้ลงคะแนนสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร และรวมไปถึงเมื่อครั้งร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ซึ่งปัญหา คือ เหตุการณ์กล่าวอ้างเหล่านี้ เกิดขึ้นหลายครั้ง ถ้าจำไม่ผิดก่อนหน้านี้ก็มีของ สส.จังหวัดระยอง พรรคประชาชน ที่มีการกล่าวอ้างว่าจะเสนอให้เงินรายละ 40-50 ล้านบาท บ้าง 100 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าลักษณะเช่นนี้ มันเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และทำลายสถาบันนิติบัญญัติ จึงขอให้ดีเอสไอช่วยใช้เครื่องมือตรวจสอบและวิเคราะห์ วินิจฉัยข้อเท็จจริงเพื่อให้ความเป็นธรรม
นายสนธิญา เผยอีกว่า ตนขอให้ทางดีเอสไอเชิญทั้ง 3 สส.พรรคประชาชน มาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และตรวจสอบเรื่องเบอร์โทรศัพท์ ว่าเป็นเบอร์โทรฯ สาธารณะ หรือเบอร์มือถือ ใช้เครือข่ายใด รวมถึงบุคคลที่มีการใช้เบอร์โทรศัพท์ดังกล่าว คือ ใครโทรฯ มาจากที่พื้นที่ใด เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด หรือเป็นผู้ที่มีพรรคการเมือง/สมาชิกพรรคการเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ อีกทั้งตนตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดพรรคประชาชนที่ได้รับการเสนอเรื่องเงินแบบนี้ถึงไม่ยอมไปแจ้งความดำเนินคดีเพื่อตรวจสอบ เพราะนัยหนึ่ง สส. ก็คือข้าราชการการเมือง และเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ควรทำให้กระจ่างและเป็นธรรมถูกต้อง เพราะเราก็ไม่รู้ว่ามันเป็นการไปพาดพิงพรรคการเมืองใดให้เสียหายหรือไม่ หรือจะเป็นการอุปโลกน์สร้างเรื่องขึ้นมาหรือไม่ เพราะเราไม่เห็นตัวละครตัวนั้นจริงๆ เสียทีว่าเขาเป็นใคร
นายสนธิญา เผยต่อว่า ตนมองว่าหากมีการตรวจสอบแล้วพบความจริงว่า มันไม่มีข้อเท็จจริงเรื่องนี้เลย ก็จะส่อเข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพ์ ได้ด้วย เพราะเป็นการนำเอาข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และก็หมายรวมถึงกรณีเรื่องเงิน หากมีการเสนอจ่ายจริง มีตัวเงินจริง ๆ ก็จะเข้าข่ายกฎหมายฟอกเงินหรือไม่ ซึ่งก็ต้องไปดูว่า ปปง. ที่มี 28 ความผิดมูลฐาน จะเกี่ยวข้องอย่างไรบ้างหรือไม่ แต่เบื้องต้น ดีเอสไอจะต้องมีการตั้งเรื่องสืบสวนก่อนว่าใครคือเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ที่มีการโทรฯ เสนอเงิน 10 ล้านบาท แลกซื้อเสียงสนับสนุน
นายสนธิญา เผยด้วยว่า สส. ถือเป็นข้าราชการการเมือง เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ดูแลกฎหมาย ถ้ามีการโทรฯ มาพูดคุยเสนอเงินแลกซื้อเสียงแบบนี้ มันก็คือการประพฤติมิชอบหรือไม่ และถ้ามีการรับเงินเกิดขึ้น ก็จะเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ได้ อย่างไรก็ดี ตนวิเคราะห์เรื่องนี้ว่า หากคนที่โทรฯ มาเป็นคนของรัฐบาล เพื่อเสนอเงินให้โหวตร่าง พ.ร.บ. ทั้ง 2 ฉบับ ตนมองว่าไม่สมเหตุสมผล เพราะเรื่อง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์ รัฐบาลก็มีการตีตกไปแล้ว ตอนนี้ก็เหลือเพียงให้ผ่านวาระ 3 ของ พ.ร.บ.งบประมาณ 2569 ซึ่งมันก็ต้องไปตัด-ลด-แก้ไข ในชั้นวุฒิสภาอยู่ดี อีกทั้ง สส. ในสภา ก็ไม่มีใครอยากคว่ำร่างงบ เพราะมันต้องใช้เงินในการบริหารประเทศ ตนจึงคิดว่าแค่เรื่องโหวตรับ พ.ร.บ.งบประมาณ 2569 คงไม่ต้องถึงขั้นที่ฝ่ายรัฐบาลจะใช้เงินถึง 10 ล้านบาท เพื่อแลกเสียงสนับสนุนขนาดนั้น จึงมองว่าค่อนข้างกึ่งๆ จะเป็นการโทรฯ กันเอง พูดคุย สร้างเรื่องกันเองหรือไม่ ท้ายนี้ตนมองว่าไม่เมคเซนส์ และขอถามพรรคประชาชน เหตุใดเพิ่งมาหยิบเรื่องนี้มาพูดในตอนนี้ และขอให้พรรคประชาชนช่วยทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง เพราะไม่อย่างนั้นอนาคตก็จะมีมาอ้างอีกว่ามีคนโทรฯ มาเสนอเงินให้ สส. ซึ่งมันส่งผลกระทบกับสถาบันนิติบัญญัติ และระบอบประชาธิปไตย.