โลกร้อนเร่งพายุ–ฝนถล่ม แม่น้ำในบรรยากาศขยายตัว ไทยเสี่ยงเจอฝน 200 มม./วัน
ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับ “โลกร้อน” ตัวการเพิ่ม “แม่น้ำในบรรยากาศ” จุดชนวนฝนหนักและพายุถี่
โลกที่ร้อนขึ้นทุกปีทำให้ความชื้นและไอน้ำในบรรยากาศสะสมมากขึ้น จนก่อเกิดแถบความชื้นขนาดใหญ่เหนือมหาสมุทรแปซิฟิก เรียกว่า แม่น้ำในบรรยากาศ หรือ Atmospheric River (AR) ซึ่งสามารถเคลื่อนตัวเข้าสู่ฝั่งยุโรป อเมริกา และเอเชียได้ตลอดเวลา นำมาซึ่งฝนตกหนักและพายุรุนแรงกว่าปกติ
ปรากฏการณ์นี้เกิดจากการระเหยน้ำจากมหาสมุทรและทะเลจำนวนมาก ขึ้นไปเป็นมวลอากาศที่บรรจุไอน้ำมหาศาล มักเกิดในเขตละติจูด 30–60 องศาเหนือและใต้ ปรากฏเป็นเส้นเมฆยาวหลายร้อยไมล์ เหนือมหาสมุทร โดยหากเคลื่อนเข้าสู่แผ่นดินและผ่านภูเขาเย็น จะทำให้เกิดฝนตกหนักได้ ข้อมูลจาก NASA ระบุว่า แม่น้ำในบรรยากาศสามารถบรรทุกน้ำได้มากถึง 15 เท่าของแม่น้ำมิสซิสซิปปี้
ทุก ๆ อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 1°C จะทำให้การระเหยของน้ำจากมหาสมุทรเพิ่มขึ้นราว 7% ข้อมูลจากสมาคมวิทยาศาสตร์ Geophysical Union พบว่า 80% ของฝนหนักต้นฤดูมรสุม ในทะเลจีนตะวันออก เกาหลี และญี่ปุ่นตะวันตก มีความเชื่อมโยงกับแม่น้ำในบรรยากาศ
การศึกษาของ NASA พบว่า ขนาดของแม่น้ำในบรรยากาศจะกว้างขึ้นราว 25% จากเดิม 400 กม. เป็น 600 กม. อุ้มความชื้นได้มากขึ้น ทำให้ความถี่ของพายุและฝนหนักเพิ่มขึ้น 11–15% ปริมาณน้ำฝนมากขึ้น 20–40% และเหตุการณ์ฝนตกหนักอาจพุ่งสูงถึง 50% และขณะนี้ร่องมรสุมความกดอากาศต่ำกำลังพาดผ่านภาคเหนือ และจะเลื่อนลงสู่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบน ทำให้ฝนเพิ่มขึ้น 60–120 มม./วัน หากมีแม่น้ำในบรรยากาศจากมหาสมุทรแปซิฟิกเสริมพลัง จะทำให้ฝนตกอาจเกิน 200 มม./วัน เหมือนที่กำลังเกิดในจีนตอนใต้ ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น และเคยเกิดแล้วใน สปป.ลาว และภาคเหนือตอนบนของไทยช่วง พ.ค.–ก.ค. 2568
ข่าวที่เกี่ยวข้อง