คลิป’นั่งลง..’-ศาลรธน.ถูกล้อม 29 ส.ค.’อิงค์’ตั้งหลักแถลงเย็น ชี้เป้า2จุดเสี่ยงผิดจริยธรรม
ข่าวอัปเดตจนถึงช่วงต้นสัปดาห์ยังไม่สะเด็ดน้ำเสียทีเดียว แต่น่าสนใจ ลือกันว่าตอนนี้ที่เข้าสู่ช่วงนับถอยหลังลุ้นผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี วันศุกร์ที่ 29 ส.ค. ซึ่งไม่จำเป็นที่ผู้ร้องคือกลุ่ม 36 สว. และผู้ถูกร้องคือ นายกฯ แพทองธาร จะต้องไปปรากฏตัวในห้องพิจารณาคดีเพื่อร่วมฟังการอ่านคำวินิจฉัยกลางของศาล รธน.ตั้งแต่เวลา 15.00 น. แต่อย่างใด สามารถส่งตัวแทนไปฟังได้
มีข่าวบางกระแสบอกว่า “นายกฯ อิ๊งค์-แพทองธาร” อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่า 29 ส.ค.จะไปปักหลักลุ้นฟังผลคดีและติดตามการอ่านคำวินิจฉัยของศาล รธน.ที่ใดดี เพราะมีแนวโน้มจะไม่ไปศาล รธน.ในวันดังกล่าว คาดว่าจะส่ง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ไปแทน
ร่ำลือกันว่าวันดังกล่าว แพทองธารกำลังเลือกอยู่ว่า จะเดินทางไปลุ้นฟังการอ่านคำวินิจฉัยที่พรรคเพื่อไทย ถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อลุ้นผลคำวินิจฉัยกับ สส.เพื่อไทย จากนั้นพอรู้ผลคดี ที่คาดว่าจะไม่เกิน 16.30 น. ก็จะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย และไม่แน่หากชนะคดี ได้ไปต่อ ก็อาจแถลงขอบคุณศาล รธน.จากนั้นก็บึ่งรถเข้าทำเนียบรัฐบาลทันทีในเย็นวันเดียวกัน เพื่อโชว์ความฟิตเต็มถัง ในการคัมแบ็กกลับมาเป็นนายกฯ เต็มตัว บ้างก็ว่านายกฯ อิ๊งค์อาจปักหลักลุ้นฟังผลคำวินิจฉัยกับครอบครัวและทีมงานการเมืองใกล้ชิด ที่กระทรวงวัฒนธรรม หรือที่โรงแรมโรสวูด หรืออาจเป็นที่เซฟเฮาส์ส่วนตัว โดยหากได้ข่าวดี ยังได้เป็นนายกฯ ต่อ ก็ค่อยบึ่งรถเข้าทำเนียบรัฐบาล แถลงข่าวหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ขอบคุณศาล รธน.และประชาชนที่ให้กำลังใจ แต่หากผลออกมาไม่เป็นคุณ ต้องหลุดจากตำแหน่งนายกฯ ก็อาจใช้วิธีโพสต์ความในใจผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ ของตัวเอง ที่คาดว่าเนื้อหาก็คงน่าจะออกมาแนวยอมรับคำวินิจฉัยของศาล รธน. แต่ยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้ทำให้ประเทศเสียหาย ไม่ทำให้ประเทศเสียอธิปไตย และยืนยันจะทำงานการเมืองต่อไปในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
อย่างไรก็ตาม ยังเหลือเวลาอีกร่วม 5 วัน แพทองธารคงตัดสินใจไปตามหน้างานและสถานการณ์การเมืองวันนั้น
โดยหากวันที่ 29 ส.ค.นี้ ถ้าแพทองธารไม่รอด ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ และ รมว.วัฒนธรรม จะทำให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 5 จากพรรคการเมืองเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร ที่หลุดจากเก้าอี้นายกฯ ตามคำวินิจฉัยของศาล รธน. ตามรอย สมัคร สุนทรเวช, สมชาย วงศ์สวัสดิ์, ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, เศรษฐา ทวีสิน
ซึ่งหากศาล รธน.มีมติให้แพทองธารพ้นจากนายกฯ โดยมีคำวินิจฉัยว่ามีพฤติการณ์ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง นอกจากจะเป็นชนักติดหลังแพทองธาร ที่ทำให้ไม่สามารถกลับมาเป็นนายกฯ-รัฐมนตรีได้อีก เพราะถือว่ามีลักษณะต้องห้ามการเป็นรัฐมนตรีตาม รธน.มาตรา 160 (4) และ (5) แล้ว ก็ยังทำให้แพทองธารไม่สามารถกลับไปเป็น "ผู้บริหารในบริษัทมหาชน" ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้อีกเหมือนกับตอนนี้ที่ “เสี่ยนิด-เศรษฐา ทวีสิน” ที่หลุดจากนายกฯ เพราะศาล รธน.ชี้ว่ามีพฤติการณ์ไม่ซื่อสัตย์สุจริต-ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม จนเศรษฐามีชนักติดหลัง ไม่สามารถกลับไปเป็น ผู้บริหารในบริษัท แสนสิริฯ บริษัทยักษ์ใหญ่วงการอสังหาริมทรัพย์ ที่ตัวเองตั้งมากับมือ จนเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้
ดังนั้นหากแพทองธารเจอแบบเดียวกัน ก็ไม่สามารถกลับไปเป็นผู้บริหารบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ อันเป็นบริษัทที่ครอบครัวชินวัตรก่อตั้งและถือหุ้นใหญ่ได้อีกต่อไป
เว้นแต่ในอนาคตมีการแก้ไข รธน. หรือยกร่าง รธน.ฉบับใหม่ โดยไม่มีเรื่องลักษณะต้องห้ามดังกล่าวในการรับตำแหน่งทางการเมือง ก็ทำให้แพทองธารกลับมาเป็นนายกฯ และกลับไปบริหารบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ต่อ
ทั้งหมดจะเกิดขึ้นในกรณีที่แพทองธารไม่ชิงลาออกก่อนวันที่ 29 ส.ค. แต่เมื่อแกนนำพรรคเพื่อไทยต่างออกมาประสานเสียงพร้อมกันหมดว่า แพทองธารไม่ลาออกก่อนแน่ จึงรอดูกัน 29 ส.ค. แพทองธารจะกำชัยชนะตามรอยทักษิณผู้พ่อ ที่เพิ่งชนะคดี 112 ไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหรือไม่
แต่ในช่วงนี้ไปจนถึงวันที่ 29 ส.ค. เชื่อได้ว่าจะมีสารพัดข่าวลือ ข่าวปล่อย เกี่ยวกับผลคดีออกมาเป็นระลอก รวมถึงกระแสข่าวล็อบบี้ต่างๆ ตลอดจนข่าวลือสัญญาณพิเศษที่จะถูกโหมอย่างหนักในช่วง 48 ชั่วโมงสุดท้าย ก่อนวันลงมติ 09.30 น. วันศุกร์ที่ 29 ส.ค. ที่คงลุ้นกันมันส์หยด
อย่างที่มีข่าวร่ำลือกันว่า วงหารือบางวงในตึกศาล รธน.มีการกางมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ พ.ศ.2561 ที่ให้ใช้กับคณะรัฐมนตรี-สส.และ สว.ด้วย ซึ่งเนื้อหาในมาตรฐานจริยธรรมดังกล่าวที่มีด้วยกัน 4 หมวด เช่น มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์-การฝ่าผืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม
มีการชี้เป้าว่า ปมสุ่มเสี่ยงที่อาจทำให้แพทองธารจะไม่รอด ก็มีบางจุด เช่น
ข้อ6 ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตยบูรณภาพแห่งอาณาเขต และเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ข้อ25 รักษาความลับของทางราชการตามกฎหมาย และระเบียบแบบแผนของราชการ
ซึ่งเนื้อหาในคลิปเสียง 17 นาที ระหว่างแพทองธารกับฮุน เซน และเคลียง ฮวด เปิดช่องให้ตุลาการศาล รธน.ตีความทั้งทางแคบและทางกว้างได้ว่า มีเนื้อหาบางส่วนพาดพิงโยงถึงอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน และการไม่รักษาความลับของทางราชการตามกฎหมาย เช่น กรณี นายกฯ คุยเรื่องการเปิดด่าน ปิดด่าน, เรื่องการถอนกำลังทหารไทย โดยมี เคลียง ฮวด ที่เป็นชาวต่างชาติและสนิทกับผู้นำรัฐบาลกัมพูชารับรู้ด้วย จึงเป็นการนำความลับทางราชการไปเปิดเผย เป็นต้น
แต่วิเคราะห์ได้ว่า ก็อาจมีตุลาการศาล รธน.บางส่วนมองว่าบทสนทนาดังกล่าวไม่เข้าข่าย หรือไม่มีพฤติการณ์ที่ชี้ชัดได้ว่าแพทองธารทำให้เกิดผลเสียต่อ ความมั่นคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อยของประชาชน และไม่เข้าข่ายไม่รักษาความลับของทางราชการตามกฎหมาย
ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ-วิจารณญาณของ 9 ตุลาการศาล รธน.ที่จะร่วมลงมติ 29 ส.ค.ว่า สมควรให้ ประเทศไทยมีนายกฯ ชื่อแพทองธารต่อไปหรือไม่
พบว่าช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนถึงวันที่ 29 ส.ค. ไม่เพียงแต่ที่ทุกก้าวย่างของแพทองธารจะถูกจับจ้องและเอกซเรย์ทุกฝีก้าวแล้ว ทางตุลาการศาล รธน.-ศาล รธน.ก็อยู่ในสปอตไลต์ของสังคมเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือข่าวปล่อยเรื่องการล็อบบี้อะไรต่างๆ จนลือว่าแพทองธารรอดศาล รธน.ให้ไปต่อ
อย่างช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีการเผยแพร่คลิปสั้น ที่เป็นภาพในห้องไต่สวนศาล รธน.เมื่อ 21 ส.ค. ที่มีการเผยแพร่อย่างแพร่หลายในโซเชียลมีเดียและสื่อกระแสหลัก ที่เป็นภาพตอนแพทองธารเข้าไปตรงที่นั่งพยานที่ศาล รธน.เรียกมาไต่สวน แล้วเริ่มกล่าวปฏิญาณตน แต่มีจังหวะผิดคิวเล็กน้อย จนมีเสียงในคลิปที่ตุลาการศาล รธน.พูดว่า "นั่งลง.." ที่ยังเถียงกันอยู่ว่า ตุลาการศาล รธน.พูดคำว่า "นั่งลงลูก" หรือ "นั่งลง" เฉยๆ แต่พบว่ามีบางกลุ่มก็ปั่นว่า นั่งลงลูก แค่นี้ก็ทำเอาโซเชียลแทบแตก จนกลุ่มที่ไม่ชอบแพทองธาร ดักทาง-ดักคอศาล รธน. วิจารณ์กันไปไกล แบบนี้แพทองธารรอดแน่!
เจอเข้าไปแบบนี้เห็นชัด ยิ่งทำให้การวินิจฉัยคดีของศาล รธน.เจอล้อมหน้าล้อมหลัง มติออกมาแบบไหน ทั้งกองเชียร์-กองแช่ง นายกฯ อิ๊งค์-พท.รอแทงสวน
เลยไม่แปลก นัดอ่านคดีวันศุกร์ หยุดเสาร์-อาทิตย์ 2 วัน ให้คลื่นลมสงบ 9 ตุลาการฯ ค่อยกลับเข้าตึกศาล รธน. ถึงตอนนั้นคลื่นลมแรงก็อ่อนตัวแล้ว.