สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 25 ส.ค. 68
1. สรุปสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.แพร่ (86 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.อำนาจเจริญ (101 มม.) ภาคตะวันตก : จ.กาญจนบุรี (87 มม.) ภาคกลาง : จ.สระบุรี (65 มม.) ภาคตะวันออก : จ.นครนายก (111 มม.) ภาคใต้ : จ.ชุมพร (89 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : มรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้มีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 26 - 27 ส.ค. 68 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่เนื่องจากอิทธิพลของพายุประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น
พายุไต้ฝุ่น “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้มีแนวโน้มจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 65% ของความจุเก็บกัก (52,275 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 49% (28,155 ล้าน ลบ.ม.)
3. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 66% ของความจุเก็บกัก (53,076 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 50% (28,958 ล้าน ลบ.ม.)
สทนช. ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ เพื่อรองรับปริมาณน้ำที่อาจเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูฝน โดยเน้นการลดความเสี่ยงจากอุทกภัยและเตรียมความพร้อมในทุกภาคส่วน พร้อมทั้งสร้างการรับรู้แก่ประชาชน ประชาสัมพันธ์การแจ้งเตือน และจัดเตรียมมาตรการช่วยเหลือผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างทั่วถึงและทันท่วงที
4.ข่าวประชาสัมพันธ์ : วานนี้ (24 ส.ค. 68) ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ ครั้งที่ 4/2568 จากนั้นในช่วงบ่าย
นางพัชรวีร์ สุวรรณิก รองเลขาธิการ สทนช. เป็นประธานการประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน ครั้งที่ 3/2568
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ได้สั่งการให้ สทนช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฝนตกหนักจากอิทธิพลของพายุ “คาจิกิ” รวมถึงพายุที่อาจจะก่อตัวในช่วงต้นเดือนกันยายนที่จะถึง สทนช. จึงได้ประชุมร่วมกับศูนย์ส่วนหน้าฯ เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี และความพร้อมในการรองรับสถานการณ์ ซึ่งคาดว่าฝนจากพายุในระลอกนี้ จะส่งผลให้ในช่วงวันที่ 25 - 30 ส.ค. 68 จะมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่จำนวนมาก โดยเฉพาะเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ และเขื่อนภูมิพล จ.ตาก ที่คาดจะมีน้ำไหลเข้ามากกว่า 500 ล้าน ลบ.ม. รวมถึงเขื่อนน้ำอูน และหนองหาร จ.สกลนคร จึงได้หารือร่วมกับกรมชลประทานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อปรับอัตราการระบายน้ำของอ่างฯ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยในส่วนของเขื่อนสิริกิติ์ได้ปรับอัตราการระบายน้ำจากเดิม 45 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เป็น 50 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน ในช่วงวันที่ 23 - 31 ส.ค. 68 โดยให้คำนึงถึงการบริหารจัดการน้ำในภาพรวมทั้งหมดของลุ่มน้ำเจ้าพระยาให้เป็นไปอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้มีการประสานงานเพื่อบริหารจัดการน้ำร่วมกับเขื่อนทดน้ำผาจุก จ.อุตรดิตถ์ และเขื่อนนเรศวร จ.พิษณุโลก ให้มีความสมดุล ช่วยป้องกันผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตรและชุมชนเมือง
นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำการเตรียมพื้นที่ลุ่มต่ำสำหรับหน่วงน้ำหลากก่อนไหลเข้าสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ทั้งทุ่งบางระกำ ทุ่งลุ่มต่ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง 10 ทุ่ง และบึงบอระเพ็ด ซึ่งปัจจุบันเกือบทุกแห่งเก็บเกี่ยวผลผลิตใกล้แล้วเสร็จ ยกเว้นทุ่งบางกุ่มที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จภายในวันที่ 20 ตุลาคมนี้ โดยที่ผ่านมากรมชลประทาน ได้ลงพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจกับพี่น้องเกษตรกรและประชาชนอย่างต่อเนื่อง
สำหรับพื้นที่ริมแม่น้ำโขง ได้เน้นย้ำให้จังหวัดเตรียมพร้อมรับมือกับระดับน้ำโขงที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดย สทนช. จะประสานสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRCS) เพื่อประเมินพื้นที่เสี่ยงน้ำล้นตลิ่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำข้อมูลมาบูรณาการร่วมกับจังหวัดในการบริหารจัดการน้ำและแจ้งเตือนล่วงหน้า พร้อมทั้งจะประสานงานร่วมกับ สปป.ลาว ในการระบายน้ำของเขื่อนที่มีน้ำมาก รวมทั้งประสานไปยังประเทศจีน ในการบริหารจัดการเขื่อนในพื้นที่ต้นน้ำให้สอดคล้องกับลุ่มน้ำโขงตอนล่าง เพื่อลดผลกระทบต่อชุมชนริมแม่น้ำโขง
นอกจากนี้แหล่งกักเก็บน้ำทุกขนาดที่ได้มีการพร่องน้ำเตรียมพื้นที่ว่างไว้แล้ว แต่ยังมีปริมาณน้ำค่อนข้างมากหรือมีแนวโน้มน้ำไหลเข้าเพิ่มขึ้น อาทิ หนองกุดทิง จ.บึงกาฬ และเขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร จะต้องประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อปรับแผนการระบายน้ำ เพิ่มพื้นที่รองรับน้ำไหลเข้า โดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายน้ำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 24 ส.ค. 68