“สุรพงษ์” สั่งผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้า เพิ่มความถี่ขบวนรถ รับ “20 บาทตลอดสาย”
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ภายหลังการมอบนโยบายเนื่องในวันคล้ายวันก่อตั้งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ครบรอบ 33 ปี ขณะนี้โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทของรัฐบาล กระทรวงคมนาคมได้เสนอกฎหมาย 3 เรื่อง ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. …., ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …. และร่างพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน แห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….
ทั้งนี้ได้รับทราบว่าเหลือเพียงร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …. ที่คาดว่าจะสามารถจบได้ภายในสัปดาห์หน้า หากร่างพรบ.ทั้ง 3 ฉบับแล้วเสร็จ จะช่วยสนับสนุนรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
ขณะเดียวกันโครงการนี้จะเดินหน้าได้ รฟม. ต้องเป็นเจ้าของรถไฟฟ้าทุกสีทุกสาย ซึ่งจะทำให้ รฟม.จะมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้น เป็นเจ้าของรถไฟระบบรางรถไฟฟ้าทั้งประเทศ ส่วนจะมีการยกเลิกสัญญาสัมปทานในอนาคตหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ขอก้าวล่วง
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า หากนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายเป็นไปตามแผนจะทำให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 30-35% เบื้องต้นได้สั่งการให้ผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าทุกสายเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ประจำสถานี ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการให้ข้อมูลและดูแลผู้ใช้บริการ
นอกจากนี้ให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบซ่อมบำรุงระบบรถไฟฟ้า ลดเหตุรถไฟฟ้าขัดข้อง ส่วนการจัดหาขบวนรถไฟฟ้าเพิ่มมีอยู่ในแผนอยู่แล้วแต่ต้องใช้เวลา
ส่วนกรณีคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ จะส่งผลต่อการเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทหรือไม่นั้น เชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใดเข้ามาก็จะสานต่อนโยบายนี้แน่นอน
สำหรับความพร้อมขบวนรถไฟฟ้ารองรับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย และการเตรียมความพร้อมการจัดการการให้บริการ มีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) ดูแลอยู่แล้ว อีกทั้งจำนวนผู้โดยสารได้มีการประมาณการตั้งแต่เกิดนโยบายนั่งรถไฟฟ้าฟรี 7 วันในช่วงที่เกิดสถานการณ์ฝุ่น PM. 2.5 ซึ่งไม่ต่างจากนี้
“ยืนยันว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องความถี่ เพราะยังให้บริการได้อีก ปัจจุบันความถี่ขบวนรถไฟฟ้าอยู่ที่ 2.5 นาทีต่อขบวน ส่วนฟีดเดอร์ เชื่อมต่อระบบรถไฟฟ้า ขสมก.ได้มีการจัดหารถเมล์เพิ่ม 1500 คัน เป็นรถอีวี และเชื่อมต่อรถไฟฟ้าให้เหมาะสมกับนโยบาย 20 บาท” นายสุรพงษ์ กล่าว
นายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า ความคืบหน้าเส้นทางรถไฟฟ้าสายใหม่ ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีเทา ช่วงวัชรพล-ทองหล่อ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเงิน ช่วงบางนา-สุวรรณภูมิ และสายสีฟ้า ช่วงดินแดง-สาทร ซึ่งจะได้รับโอนมาจากกทม. ขณะนี้กทม.ได้ทำการศึกษาออกแบบบางส่วนแล้ว โดยรถไฟฟ้าสายสีฟ้าคาดว่าจะสามารถรับมอบได้ช่วงกลางปีนี้
ขณะที่โครงการระบบขนส่งมวลชนในเมืองหลักภูมิภาค จังหวัดภูเก็ต กระทรวงคมนาคมมีความกังวลว่า แนวเส้นทางอยู่ในถนนทางหลวงแผ่นดินจึงให้กรมทางหลวงและการทางพิเศษแห่งประเทศไทยดำเนินการก่อสร้างทางให้เสร็จก่อน
นอกจากนี้ยังมีโครงการรถไฟฟ้าแทรม 3 สาย ที่อยู่ระหว่างการทบทวนได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดนครราชสีมา อยู่ในขั้นตอนทบทวนและปรับปรุงผลการศึกษาวิเคราะห์โครงการให้เป็นปัจจุบัน
เนื่องจากปัจจัยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 การกำหนดอัตราค่าโดยสาร ซึ่งส่งผลต่อการประเมินมูลค่าการลงทุนโครงการและการคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสาร