ลุ้น “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ทันใช้ 1 ต.ค. หรือไม่ หลังมีกฏหมายค้าง
นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม ในฐานะโฆษกกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทว่า ขณะนี้กฎหมายที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้ง 3 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ. การขนส่งทางราง ซึ่งผ่านสภาฯ แล้ว ส่วน พ.ร.บ. ตั๋วร่วม และ พ.ร.บ. รฟม. กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา
ส่วนจะพิจารณาได้ทันวันที่ 1 ต.ค. นี้ หรือไม่นั้น ฝ่ายบริหารของกระทรวงคมนาคมได้มีการหารือประสานงานกับทุกหน่วยงาน ทั้งคณะกรรมการกฤษฎีกา กระทรวงการคลัง เพื่อหาทางออกในการผลักดันโครงการดังกล่าว และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม กำลังหาทางอยู่ และเมื่อผ่านเดือนนี้ไปก็คงจะสามารถบอกได้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อผ่านกระบวนการดังกล่าวแล้วจะเข้าสู่การพิจารณาของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ต่อไป โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน ซึ่งหากกฎหมายผ่านโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทจะเกิดขึ้นได้ โดยจะสามารถแก้ปัญหาเรื้อรังของกรุงเทพฯ มานาน ทั้งเรื่องการเดินทาง มลพิษ ฝุ่นลดลง และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยมองว่า สว. จะเห็นภาพเดียวกัน และจะช่วยผลักดันกฎหมายนี้ให้ผ่านได้โดยเร็ว
ส่วนในวันที่ 1 ต.ค. ประชาชนจะได้ใช้โครงการรถไฟฟ้า 20 บาททันหรือไม่นั้น คงต้องหาทางออก กำลังหารือกับ รมว.คมนาคมทำทุกทาง หาทางออกในทุกทาง
อย่างไรก็ดี ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เคยให้ขึ้นรถไฟฟ้าฟรีเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ซึ่งก็ทำได้เร็วมากในช่วงเร่งด่วน แต่ครั้งนี้มีการหารือกันว่าทางออกจะไปทางไหนได้บ้าง เพื่อให้เป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด และครั้งนี้มีเงื่อนไขว่าสภาฯ จะผ่านเมื่อไร หนทางเป็นอย่างไรบ้างถึงจะสามารถให้ความชัดเจนได้ ซึ่งมองว่าขณะนี้ยังมีเวลาอีกประมาณ 1 เดือนกว่า
“ยืนยันว่าโครงการดังกล่าวเดินหน้าต่อแน่นอน ส่วนเรื่องวันเวลา วิธีการต่าง ๆ คงต้องรอในการประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ให้ชัดเจนอีกครั้ง แต่จะเริ่มต้นจากวันจันทร์ที่ 25 ส.ค. ตั้งแต่เวลา 00.01 น.โดยเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนผูกบัตร EMV และบัตร Rabbit ในแอปพลิเคชันทางรัฐ ซึ่งไม่มีการจำกัดสิทธิในการลงทะเบียน เปิดให้ลงทะเบียนได้เรื่อย ๆ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าโครงการนี้เดินหน้าแน่นอน”
ด้านการพูดคุยกับภาคเอกชนนั้น ได้มีการหารือกันเบื้องต้นแล้ว โดยต้องรอกฎหมายทั้ง 3 ฉบับผ่านก่อน แต่ในการพูดคุยกับเอกชนบนเงื่อนไขที่คุยคือไม่ได้เข้าไปแก้ไขปรับสัญญา ยังเป็นสัญญาเดิม ซึ่งเบื้องต้นทั้งภาคเอกชนและคนไทยทุกคนก็ต้องการผลักดันนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายให้เกิดขึ้น เนื่องจากมีรถไฟฟ้าทั้งหมด 24 โครงการ และมีผู้ใช้อยู่แค่ประมาณ 1.7 ล้านเที่ยว/วัน ซึ่งยังรองรับได้อีกมาก และคิดว่าถ้าโครงการนี้ได้ออกมาจะมีคนมาใช้บริการรถไฟฟ้ามากขึ้น
สำหรับงบประมาณของรัฐบาล หากไม่มีประชาชนใช้บริการเพิ่มขึ้น ประเมินว่าจะจ่ายอยู่ที่ประมาณ 5,600 ล้านบาท/ปี โดยคาดว่าพอเริ่มโครงการจะมีประชาชนมาใช้บริการเพิ่มขึ้น 20% หรือคิดเป็น 8,000 ล้านบาท/ปี ซึ่งแหล่งที่มาของรายได้มีหลายทาง เบื้องต้นมีเงินกำไรสะสมของรฟม. ตลอด 20 ปีมีเงินก้อนหนึ่งจำนวน 10,000 กว่าล้านบาท ซึ่งจะนำเงินก้อนดังกล่าวมาใช้ รวมถึงเงินของรัฐบาลในเฟสแรก
ส่วนเมื่อประชาชนเริ่มมาใช้บริการมากขึ้น เฟส 2 ที่ต้องดำเนินการคืออาจหางบมาจากส่วนอื่น ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมรถติด หรือค่าธรรมเนียมอื่น ๆ มาสนับสนุน และในเฟส 3 คือรถไฟฟ้าทยอยหมดอายุสัมปทาน เช่น สายสีเขียวหมดอายุปี 72 พอกลับมาเป็นของรัฐ ก็จะเหลือแค่ค่าบำรุงรักษา ค่าดูแล และพัฒนาระบบ