'เผ่าภูมิ' คาดปี 68 เศรษฐกิจไทยโตเกิน 2.2% จี้กนง.ลดดอกเบี้ยอีก
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ประเมินว่าในปี 2568 นี้ เศรษฐกิจจจะขยายตัวสูงกว่าที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดการณ์ไว้ที่ 2.2% เนื่องจากตัวเลขจากนโยบายภาษีสหรัฐ ออกมาที่ 19% ถือว่าเป็นบวกต่อประเทศไทย ทั้งนี้ หากเทียบกับประเทศที่เราแข่งขันด้วย ไทยได้เปรียบกว่า รวมถึงในเรื่อง Regional Value Content หรือ RVC ด้วย ซึ่งไทยเป็นประเทศที่มีการผลิตในประเทศสูง มีโอกาสที่เราจะได้รับอัตราภาษีต่ำกว่าประเทศคู่แข่ง ซึ่งหมายความว่า ผู้ส่งออกไทยจะได้เปรียบทางด้านราคามากกว่า
จี้กนง. ลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมเข้าไป ขณะเดียวกัน ยังประเมินว่า พื้นที่ทางการเงินยังมีเหลืออยู่ สามารถขยับขยายลงได้อีกเพิ่มเติม
”การลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ยังมีพื้นที่ให้ทำได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แต่เรามองว่าภาพรวมพืน้ที่ยังเหลืออยู่ แต่สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกนง. ว่าจะเหมาะสมหรือไม่“
ขณะที่การส่งออกขยายตัวได้ดีมาโดยตลอด อย่างไรการตาม ประเมินว่า จะชะลอในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เล็กน้อย แต่หากมองในภาพรวม การขยายตัวเศรษฐกิจยังสามารถเติบโตได้มากกว่า 2.2%
“ภาพรวมเศรษกิจครึ่งแรก โต 3% แต่ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คาดว่าจะโตต่ำ 3% แน่นอน แต่หากเฉลี่ยทั้งปีแล้ว ก็ยังมีความเป็นไปได้สูงที่จีดีพีจะโตสูงกว่าคาดการณ์ในปัจจุบัน”
พื้นที่การคลัง ไม่กระทบเครดิตประเทศ
ทั้งนี้ ไม่ได้กังวลในเรื่องพื้นที่ทางการคลัง โดยขณะนี้สัดส่วนหนี้สาธารณะ อยู่ที่ 64% ต่อจีดีพี ปรับลดลงมาครั้งแรกในรอบหลายเดือน ซึ่งหมายความว่า หนี้โตช้ากว่าจีดีพี ถือเป็นแนวโน้มที่ดี
ด้านภาระดอกเบี้ยต่อสัดส่วนรายได้ของรัฐบาลนั้น ปัจจุบันอยู่ที่ 9% ต่ำกว่ากรอบเพดานที่ 10% ถือว่าอยู่ในระดับที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากขึ้นอยู่กับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หากการขยายตัวทางเศรษฐกิจก็จะสะท้อนมาจากการจัดเก็บภาษี ซึ่งทำให้เกิดรายได้ต่อไป
ส่วนจะมีผลต่อเครดิตของประเทศหรือไม่นั้น บริษัทเครดิตไม่ได้ประเมินในมิตินี้เพียงอย่างเดียว ยังดูในหลายมิติ ทั้งความสามารถการชำระหนี้ ความสามารถการเดินไปข้างหน้าของประเทศ โครงการต่างๆ ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน พิจารณาจากพื้นที่ทางการคลัง และนโยบายหลักของรัฐบาล เป็นต้น
เม็ดเงิน 1.3 แสนล้าน ลงเศรษฐกิจไตรมาส 4
ขณะที่มาตรการที่รัฐบาลออกมาดูแลเศรษฐกิจนั้น ตอนนี้มีมาตรการทางการคลังขนาดใหญ่ จากงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งได้ใช้ไปแล้ว 1.3 แสนล้านบาท โดยจะมีผลต่อเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ส่วนจะมีมาตรการออกมาเพิ่มเติมหรือไม่นั้น จะต้องรอติดตามสถานการณ์ต่อไป
ด้านการลงทุนเข้ามาในประเทศไทยนั้น จากตัวเลขของบีโอไอ ดีที่สุดตั้งแต่เคยมีประวัติศาสตร์ และต่อจากนี้รัฐบาลจะเดินหน้าดึงดูดเม็ดเงินลงทนุใหม่ๆ และการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี และไม่ใช่ภาษี เช่น ขณะนี้รัฐบาลเดินหน้าพ.ร.บ.ศูนย์กลางทางการเงิน ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายที่ดึงดูดเม็กเงินต่างชาติเข้ามาลงทุน คาดภายใน 2 สัปดาห์นี้จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ