AIMC เผยต่างชาติมองบวกหุ้นไทย เร่งเพิ่มมาตรการดึงดูดการลงทุนระยะยาว
AIMC เผยนักลงทุนต่างชาติยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย แม้จะเผชิญกับปัจจัยกดดันระยะสั้น เช่น ปัญหาการเมืองและสถานการณ์ชายแดน ชี้ภาครัฐจำเป็นต้องมีมาตรการที่ชัดเจนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติในระยะยาว
27 สิงหาคม 2568 นางชวินดา หาญรัตนกูล ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) เปิดเผยในงาน Thailand Focus 2025 ว่า นักลงทุนต่างชาติยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อประเทศไทยและตลาดหุ้นไทย แม้ในระยะสั้นสถานการณ์ในประเทศอย่างปัญหาทางการเมืองในขณะนี้และปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ต่างเข้ามากดดันตลาดฯ โดยมองเป็นปัจจัยลบดังกล่าวเป็นเพียงปัจจัยลบระยะสั้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น ภาครัฐจำเป็นต้องมีมาตรการและแนวทางที่ชัดเจนในการสร้างมูลค่าและความน่าสนใจของตลาด การปรับปรุงนโยบายด้านการลงทุน การเพิ่มความโปร่งใส และการส่งเสริมความเชื่อมั่นของนักลงทุนล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ตลาดหุ้นไทยโดดเด่นในสายตาของนักลงทุนจากต่างประเทศ ไม่แตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้านที่สามารถสร้างความสนใจและดึงดูดเงินทุนต่างชาติได้อย่างต่อเนื่อง
"ประเทศไทยมีศักยภาพและความพร้อมในหลายด้าน ทั้งด้านทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งสามารถนำไปสู่การพัฒนาในระดับภูมิภาคและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันได้อย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น การวางแผนและส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center) จะช่วยสนับสนุนการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบข้อมูลขนาดใหญ่
รวมถึงการรองรับธุรกิจที่ต้องการความมั่นคงของข้อมูลและการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูง ในขณะเดียวกัน การพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub) จะช่วยสร้างโอกาสในการลงทุนที่หลากหลาย ทั้งในด้านตลาดทุน ตลาดการเงินต่างๆ" นางชวินดา กล่าว
ทั้งนี้ การสนับสนุนและพัฒนาในสองด้านนี้ นอกจากจะช่วยเพิ่มมูลค่าตลาดหุ้นไทยแล้ว ยังสามารถสร้างภาพลักษณ์ของประเทศในฐานะศูนย์กลางการลงทุนที่มีความพร้อมและมีศักยภาพสูงในระดับภูมิภาคและระดับโลก การวางกลยุทธ์เชิงรุกในเรื่องนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องของการเพิ่มตัวเลขการลงทุนเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับตลาดทุนไทยในระยะยาว พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติสามารถเข้ามามีส่วนร่วมและเติบโตไปพร้อมกับประเทศได้อย่างมั่นคง
สำหรับการวางแผนการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังของกองทุนวายุภักษ์ จะยังคงเน้นการลงทุนในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศ (Domestic Consumption) ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตที่ดี และจะมีการปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนตามสภาวะตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการปรับพอร์ตการลงทุนในหุ้นที่มี Valuation ตึงตัวแล้วไปลงทุนในหุ้นที่ Valuation เหมาะสม นอกจากนี้จากเงินปันผลที่ได้รับทำให้มีเม็ดเงินใหม่ในการลงทุน โดยจะมุ่งเน้นลงทุนอย่างเหมาะสม และด้วยสภาวะตลาดปัจจุบันมองว่าน่าจะยังอยู่ได้ด้วย Valuation ของตัวเอง และหวังว่ากองทุนวายุภักษ์ให้ผลตอบแทนได้ดีกว่าที่คาด