ดอลลาร์ทรงตัว ท่ามกลางความกังวลเรื่องความเป็นอิสระของเฟด
ดอลลาร์ทรงตัว ท่ามกลางความกังวลเรื่องความเป็นอิสระของเฟด หลังทรัมป์ปลดสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพุธที่ 27 สิงหาคม 2568 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (27/08) ที่ระดับ 32.42/44 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (26/08) ที่ระดับ 32.49/50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
โดยดอลลาร์สหรัฐถูกดดดันจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป ผู้นำสหรัฐประกาศปลดนางลิซา คุก ออกจากตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังนางคุกถูกกล่าวหาทำการฉ้อโกงด้วยการให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการกู้เงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย โดยนายทรัมป์ ได้ออกมาชี้แจงถึงการตัดสินใจปลดลิซา คุก ว่า คุกมีพฤติกรรมฉ้อโกง ซึ่งเขาไม่สามารถปล่อยให้ผู้ที่กระทำผิดเช่นนี้เข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญได้ ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของเฟด
โดยนายแอบบี โลเวลล์ ทนายความของนางลิซา คุก สมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า นางคุกจะยื่นฟ้องต่อศาล หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศปลดนางคุกออกจากตำแหน่ง ซึ่งคาดว่าจะการฟ้องร้องดังกล่าวอาจจะไปสิ้นสุดที่ศาลฎีกาสหรัฐ
การดำเนินการดังกล่าวนับเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของ ปธน.ทรัมป์ที่ต้องการกดดันเฟด ท่ามกลางความไม่พอใจที่เฟดยังคงไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดย ปธน.ทรัมป์มองว่าสหรัฐไม่มีปัญหาเงินเฟ้อและสมควรลดดอกเบี้ยได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นในช่วงระหว่างวัน ปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากที่สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐเปิดเผยว่า รายได้จากภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี โดยเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่เดือน ก.ค.-ส.ค. และมีแนวโน้มว่าจะพุ่งขึ้นอีกในเดือน ก.ย.
สำหรับตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ถูกประกาศมาเมื่อคืนที่ผ่านมายังคงไร้ทิศทาง และไม่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมากนัก โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 2.8% ในเดือน ก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 3.8% หลังจากร่วงลง 9.3% ในเดือน มิ.ย. ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือน ก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือน มิ.ย.
นอกจากนี้ ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลง 1.3 จุด สู่ระดับ 97.4 ในเดือน ส.ค. สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 98.7 ในเดือน ก.ค. โดยความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงาน และสุดท้าย ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตาเปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDONow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 2.2% ในไตรมาส 3/2568 หลังจากเศรษฐกิจหดตัว 0.5% ในไตรมาส 1 และขยายตัว 3.0% ในไตรมาส 2
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวในงาน Thailand Focus 2025 : Beyond the Challenges หัวข้อ “Policy & Markets : Building Confidence in Thailands Investment Climate” คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 25 อาจจะโตมากกว่า 2.2% จากแรงส่งครึ่งปีแรกที่เติบโตดี ซึ่งกระทรวงการคลังได้ปรับเพิ่มประมาณการ GDP เป็นเติบโตที่ 2.2% ในปีนี้ และอาจจะโตมากกว่านี้ได้
โดยการส่งออกของไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 25 มีความแข็งแกร่งขึ้น โดยได้แรงหนุนจากห่วงโซ่อุปทานอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการเข้าถึงตลาดที่หลากหลาย และประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ที่ดีขึ้นผ่านประตูการค้าและระเบียงเศรษฐกิจที่สำคัญ
ขณะที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ในขณะที่กลุ่มตลาดระดับพรีเมียม เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การแพทย์ กีฬา และ MICE กำลังขยายตัว และสนับสนุนการจ้างงานในภาคบริการทั่วทุกภูมิภาค
ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 13 ส.ค. 68 ซึ่งที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี จาก 1.75% เป็น 1.50% ต่อปี โดยมองว่านโยบายการเงินควรอยู่ในระดับผ่อนคลาย เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน ควรคำนึงถึงการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะปานกลาง และขีดความสามารถของนโยบายการเงินที่มีจำกัด ซึ่งคณะกรรมการประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2568 และ 2569 ขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้
โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เศรษฐกิจขยายตัวดีจากการส่งออกสินค้าและการผลิต เมื่อมองไปข้างหน้า เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และจะขยายตัวได้ต่ำกว่าระดับศักยภาพในปี 2569 ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 32.44-32.55 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 32.46/47 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (27/08) ที่ระดับ 1.1638/39 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร เคลื่อนไหวทรงตัวจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (26/08) ที่ระดับ 1.1640/41 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
อย่างไรก็ตาม ค่าเงินยูโรก็ได้อ่อนค่าลงระหว่างวันจากการเผชิญแรงกดดันจากความวุ่นวายทางการเมืองของประเทศฝรั่งเศส หลังพรรคฝ่ายค้านหลัก 3 พรรคประกาศว่าจะไม่สนับสนุนการลงมติไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีฟรองซัวส์ บาอีรู ได้กำหนดไว้ในวันที่ 8 ก.ย. เกี่ยวกับแผนการตัดงบประมาณครั้งใหญ่ โดยรัฐบาลก่อนหน้านี้ที่นำโดยนายกรัฐมนตรีมิเชล บาร์นิเยร์ เคยถูกโค่นล้มจากการลงมติไม่ไว้วางใจในเดือน ธ.ค. 2567 ซึ่งสะท้อนถึงความไม่มั่นคงทางการเมืองที่ต่อเนื่องในฝรั่งเศส ซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของยูโรโซน
นอกจากนี้ อีวาย (EY) บริษัทที่ปรึกษาระดับโลก เปิดเผยผลการศึกษาล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่า ภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีเผชิญภาวะขาลงที่หนักหน่วงยิ่งขึ้น โดยสูญเสียตำแหน่งงานไปแล้วเกือบ 2.5 แสนตำแหน่งนับตั้งแต่ปี 2562 โดยบริษัทอุตสาหกรรมของเยอรมนีมีรายได้ราว 5.33 แสนล้านยูโร (6.24 แสนล้านดอลลาร์) ในไตรมาส 2/2568 ลดลง 2.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากที่ลดลง 0.2% ในไตรมาสแรก ขณะที่จำนวนผู้มีงานทำลดลง 2.1% เหลือ 5.43 ล้านคนในไตรมาส 2/2568 และหากเทียบกับปี 2562 แรงงานหดตัวลง 4.3% โดยสูญเสียตำแหน่งงานราว 245,500 ตำแหน่ง
ในส่วนของตัวเลขเศรษฐกิจ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเยอรมนี ซึ่งจัดทำโดยสถาบันวิจัยลาด Gfk และสถาบันนูเรมเบิร์กเพื่อการตัดสินใจด้านตลาด (NIM) ปรับตัวลดลงสู่ระดับ -23.6 จุด จากระดับ -21.7 จุดในเดือนก่อนหน้า และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ -22.0 จุด โดยตัวเลขดังกล่าวชี้ว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีมีแนวโน้มลดลงในเดือน ก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากครัวเรือนมีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการตกงานที่อาจเกิดขึ้นและความไม่แน่นอนเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่เป็นปัจจัยกดดัน ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1575-1.1641 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1590/91 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (27/08) ที่ระดับ 147.51/52 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (26/08) ที่ระดับ 147.53/54 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยเมื่อวานนี้ (26/08) ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ของญี่ปุ่นในเดือน พ.ค. ปรับตัวขึ้น 2.0% เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวลงจากเดือน ก.ค.ที่ 2.3% และยังต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางที่ระดับ 2.4%
อย่างไรก็ตาม ในช่วงระหว่างวัน ค่าเงินเยนได้อ่อนค่าลงตามการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินดอลลาร์ ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 147.49-147.99 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ 147.94/95 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค. ของยุโรป (28/08), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ (28/08), ดัชนี GDP ไตรมาส 2/2568 (ประมาณการครั้งที่ 2) ของสหัฐ (28/08), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือน ก.ค.ของสหรัฐ (28/08), อัตราว่างงานเดือน ก.ค.ของญี่ปุ่น (29/08), ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) กรุงโตเกียวเดือน ส.ค. (29/08), ดัชนีราคากรใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน ก.ค.ของสหรัฐ (29/08), และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือน ส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (29/08)
สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -8.45/-8.3 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -6.3/-5.3 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ดอลลาร์ทรงตัว ท่ามกลางความกังวลเรื่องความเป็นอิสระของเฟด
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net