ผอ.รร.บัวเชดวิทยา แจงเคส "เด็กชาย" วัย 13 ปี ยืนยันรับเข้าเรียนถูกกฎตามระเบียบ
ผอ.รร.บัวเชดวิทยา รวบรวมเงิน 14,000 บาท มอบให้เด็ก 13 ปี และแม่ชาวกัมพูชา ยืนยันดำเนินการรับเด็กเข้าเรียนอย่างถูกต้อง และยอมรับกฎหมาย แต่ในฐานะครูก็อยากให้เด็กทุกคนที่อยู่ในไทยได้รับการศึกษา
วันที่ 28 ส.ค. 68 จากกรณีดราม่า ครูใจสลายเล่านาที "นักเรียนชาย" วัย 13 ปี ถูกแจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าว หลังจากตำรวจพาแม่ชาวกัมพูชา เชิญตัวออกจากโรงเรียนบัวเชดวิทยา เพื่อทำเรื่องผลักดันกลับประเทศกัมพูชา หลังพบว่าไม่มีเอกสารที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น
โดยความคืบหน้าเมื่อเที่ยงวันนี้ นางสาวกชพร ชุมเพชร ผอ.โรงเรียนบัวเชดวิทยา พร้อมด้วยคณะครูได้เดินทางมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จ.สุรินทร์ อ.กาบเชิง เพื่อนำเงินที่รวบรวมกันได้จำนวน 14,000 บาท มอบให้เด็กชายชาวกัมพูชา อายุ 13 ปี และแม่ เพื่อไว้ใช้จ่ายระหว่างที่ไปอยู่ประเทศกัมพูชา และรอผู้ใหญ่ใจดีทางประเทศกัมพูชาที่รับปากว่าจะช่วยเดินเรื่องเอกสารให้ หลังจากนายพัฒนา ชื่นยง ผจก.ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม เป็นคนกลางประสานกับนักธุรกิจชาวกัมพูชาเพื่อเข้าช่วยเหลือ
ซึ่ง ผอ. และคณะครูเดินทางมาไม่ทันสองแม่ลูก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ ตม.สุรินทร์ ได้นำตัวทั้งคู่ไปส่งที่ด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตั้งแต่ช่วงสายที่ผ่านมาแล้ว ผอ.จึงได้โทรศัพท์หาลูกศิษย์ด้วยความเป็นห่วง และฝากให้กำลังใจว่าจะได้กลับมาเรียนในเร็วๆ นี้ พร้อมกับโอนเงินผ่านบัญชีเจ้าหน้าที่ ตม.สุรินทร์ กดเป็นเงินสดมอบให้ติดตัวกลับไปยังกัมพูชา และพักอาศัยอยู่กับญาติก่อนฝั่งกัมพูชาก่อน ระหว่างที่ดำเนินการเรื่องเอกสาร
สำหรับเด็กชายชาวกัมพูชาคนดังกล่าว ไม่มีเอกสารใดนอกจากใบเกิดจาก รพ. ในจังหวัดกำปงจาม ประเทศกัมพูชา ส่วนมารดาระบุว่า เคยยื่นเรื่องทำบอเดอร์พาสมา 5 ปีแล้ว แต่ยังไม่ได้ ซึ่งหลังจากกลับไปจะมีผู้ใหญ่ใจดีทางกัมพูชาจะช่วยดำเนินการเรื่องเอกสารให้ และเมื่อเดินทางกลับมาประเทศไทยได้แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ ตม.สุรินทร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แนะนำให้ นายใบ เภาว์เพ็ง อายุ 67 ปี ซึ่งเป็นคนไทย สามีหญิงกัมพูชาร้องต่อศาล เพื่อยืนยันว่าเป็นลูกชายของตนและต้องตรวจดีเอ็นเอ หรือ ยินยอมรับเด็กชายกัมพูชาเป็นลูกบุญธรรมที่ถูกต้องตามกฎหมาย ก่อนที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ พมจ.สุรินทร์ รวมทั้ง สพม.สุรินทร์ ที่จะได้ช่วยเหลือเด็กชายรายนี้ตามระเบียบกฎหมายได้ต่อไป
นางสาวกชพร ชุมเพชร ผอ.โรงเรียนบัวเชดวิทยา เปิดเผยว่า เมื่อวานที่ผ่านมา มีตำรวจจาก สภ.บัวเชด ติดต่อมาว่า มีคนแจ้งจับผู้ปกครองนักเรียน ในข้อหาลักลอบเข้าเมืองพร้อมกับลูกจากกัมพูชา โดยเข้ามาแบบผิดกฎหมาย จากนั้นตำรวจก็จะมาขอนำตัวเด็กไปที่ สภ.บัวเชด มันเป็นเรื่องของกฎหมาย เราเป็นข้าราชการ เราก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ก็ยินดีให้พาเด็กไป ขณะเดียวกันเราก็ได้ส่งครู และรอง ผอ.ไปดูแลเด็กที่ สภ.บัวเชด ซึ่งขณะนั้นไม่ได้คิดว่าจะเหตุการณ์ร้ายแรงขนาดนี้เกิดขึ้น คิดว่าเป็นเรื่องของกฎหมาย ตำรวจมาก็ต้องให้ความร่วมมือ
จากนั้นในตอนเย็นก็ได้มีการเรียกประชุมครูว่า จะช่วยกันหาแนวทางช่วยเหลือเด็กได้อย่างไร ซึ่งเด็กคนนี้ต่อให้เรียนดี หรือเรียนไม่ดี เขาก็เป็นนักเรียนของโรงเรียนบัวเชดวิทยา เขาคือเด็กของเรา ลูกของเรา เขามาเรียนกับเราด้วยความเป็นครู เรารักเขา เราพูดในฐานะของความเป็นครู ในฐานะที่เราเป็นเหมือนแม่ เหมือนพ่อคนหนึ่งที่ดูแลเขา เราไม่ได้พูดถึงกฎหมาย ยอมรับว่าเขาเข้ามาไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่เด็กคนนี้เข้ามาตั้งแต่เล็ก ตอน 3 ขวบ แม่เป็นคนหอบเขาเข้ามา แต่แม่ก็บอกว่าเขาเป็นลูกที่มีพ่อเป็นคนไทย และเข้ามาอยู่กับพ่อที่เป็นคนไทย จนเข้าเรียนชั้น ป.1 โรงเรียนบ้านโนนสังข์ และเขาก็มีเอกสารทุกอย่างเข้ามาเรียนต่อที่โรงเรียนบัวเชดวิทยา ยืนยันเรารับเด็กตามระเบียบ ตามกฎหมาย คือเด็กมีใบ ปพ. มีใบเรียนจบจากบ้านโนนสังข์ แล้วรหัสของเขาขึ้นต้นด้วยจี ซึ่งทางนโยบายของรัฐบาลคือ เด็กทุกคนที่อยู่ในเมืองไทย ต้องมีโอกาสได้เรียน อันนี้ถ้าไปดูข้อกฎหมายก็จะเห็นชัดเจน เราดำเนินการตามนโยบายทุกขั้นตอนในการรับเด็กเข้ามาเรียนในโรงเรียนบัวเชดวิทยา
สำหรับ รหัสจี หรือ จีโค้ด เป็นรหัสที่เด็กไม่ใช่คนไทย แต่เป็นเด็กต่างสัญชาติที่มาเรียน ซึ่งการเปิดรับเด็กนักเรียนจะต้องมีเอกสารมาครบทั้งหมด เราก็ต้องรับเขา ที่สำคัญตามนโยบายของ สพฐ. หรือ กระทรวงศึกษาธิการ ก็บอกไว้ว่า เด็กกลุ่มนี้สามารถเข้าเรียนได้ แล้วยังสนับสนุนงบเรียนฟรี 15 ปี เด็กกลุ่มนี้ก็ได้รับงบในส่วนนี้ด้วย
ยืนยันเราดำเนินการตามกฎหมาย แต่หลักด้านมนุษยธรรม ความเป็นครูของเรา เราอยากให้เด็กทุกคนที่อยู่ในเมืองไทยได้รับการศึกษา เรารักเขาเหมือนลูก ยิ่งเห็นเขาในสภาพที่ถูกพาตัวไปในสภาพชุดนักเรียน และต้องถูกถอดชุดนักเรียนออก ตำรวจไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีตามที่มีข่าวโพสต์ออกไป ตำรวจที่ สภ.บัวเชด ไม่มีอะไรที่ทำไม่ดีกับเด็ก ไม่ได้ไปกักขังเด็กเลยให้เด็กอยู่ข้างนอก ไม่มีการให้ไปอยู่ในคุกตามที่เป็นข่าวออกไป คุณครูและผู้ปกครองเด็กก็นั่งอยู่กับเด็กตลอดเวลา แต่เด็กจู่ๆ มาเจอเรื่องแบบนี้เป็นธรรมดาที่เขาจะรับไม่ได้ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งเราในฐานะที่เป็นครูก็ได้แต่ให้กำลังใจ
อีกอย่างต้องยอมรับว่าครอบครัวเขายากจน ไม่มีเงิน พ่อแม่มีเงินติดตัวแค่คนละ 100 บาท ซึ่งทางโรงเรียนก็ให้เงินติดตัวมา 2,000 บาท เพราะเราเป็นห่วงเด็ก ว่าเด็กจะกลับไปอย่างไร อยู่อย่างไร แล้วจะกลับมาอย่างไร เป็นห่วงมาก คณะครูจึงได้ตามมาในวันนี้และอยากให้ทุกคนเข้าใจด้วย
ด้านนายโสภณ จงบริบูรณ์ ครูผู้ดูแลที่โพสต์เรื่องดังกล่าว กล่าวว่า ไม่เสียใจในสิ่งที่โพสต์ลงไปในฐานะที่เราเป็นครู เข้าใจทุกท่านรักชาติ ตนเองก็รักชาติไม่ต่างจากท่าน แต่สิ่งที่ตนโพสต์ออกไปในมุมมองของครูที่ได้อยู่ในเหตุการณ์และเห็นเด็กของเราที่อยู่ในชุดลูกเสือแล้วต้องถอดออก เพื่อที่จะถูกส่งตัวมาที่ ตม.เพื่อจะส่งกลับประเทศ ซึ่งเขาไม่ได้เติบโตที่กัมพูชาเขาพูดไม่ออกเขียนไม่ได้ เราก็คิดถึงว่าเขาจะไปอยู่อย่างไร ประกอบกับแม่ของเด็กก็ได้พูดกับตนว่าถ้าไปไม่รู้จะอยู่อย่างไร เพราะเขาไม่ได้อยู่ที่นั้นมานานแล้ว รู้สึกสงสารและนอนไม่หลับ ก็เลยขอโพสต์ลงนิดหนึ่ง ไม่คิดว่ามันจะเป็นกระแสสังคมแรงขนาดนี้ โอเคกับการที่โพสต์ออกไปเพราะอย่างน้อยมันได้เป็นเคสตัวอย่างกรณีศึกษาให้กับอีกหลายเคส
และอยากให้เข้าใจในมุมมองของครูที่อยู่ในเหตุการณ์ตรงนั้นด้วย ฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถ้าหากว่าทำให้หน่วยงานใดได้รับผลกระทบก็ต้องขออภัยด้วย เราไม่มีเจตนาที่จะไปปรักปรำไปต่อว่า ทุกคนทำตามหน้าที่ตัวเอง ตนเองเพียงแค่เป็นห่วงลูกศิษย์อย่างเดียว อยากดูแลว่าจะเขาจะเป็นอย่างต่อไป ส่วนที่เห็นรูปภาพที่เขาเขียนว่าขังเหมือนหมานั้นเขาพูดกับเพื่อน เขาถ่ายแล้วส่งให้เพื่อน เพื่อนก็ส่งให้ครู เขาไม่ได้ว่าใคร เขารู้สึกว่าเขาอยู่ตรงนั้นไม่โอเค ตนคิดว่าเจตนาของตนไม่ได้คิดที่จะทำร้ายใคร ทุกคนน่าจะเข้าใจ ตอนนี้ได้แต่วิงวอนให้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาช่วยดูแลเคสแบบนี้ด้วย คิดว่าคงไม่ใช่เคสเดียว น้องเป็นเด็กเรียนดี เกรดเฉลี่ย 4.00 เป็นเด็กกีฬา เล่นดนตรีได้หลายอย่าง วิชาการก็ได้ ถือว่าเป็นเด็กเก่งคนหนึ่ง เป็นเด็กดีแล้วก็เก่งด้วย
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ล่าสุดทาง พ.ต.ท.อุดร ขาวแขก รอง ผกก.ตม.สุรินทร์ ได้ประสาน จนท.ตม.สุรินทร์ที่ขับรถไปส่งสองแม่ลูก ให้นำตัวเดินทางกลับมาที่ ตม.สุรินทร์ อ.กาบเชิง เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม และยังไม่ทราบรายละเอียด ขณะนี้อยู่ระหว่างเดินทางกลับ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมจะรายงานให้ทราบอีกครั้ง
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ผอ.รร.บัวเชดวิทยา แจงเคส "เด็กชาย" วัย 13 ปี ยืนยันรับเข้าเรียนถูกกฎตามระเบียบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดสภาพบ้าน "พลทหารโก้" เหยียบกับระเบิดขาขาด เพิ่งแต่งงาน-มีลูกสาว 3 ขวบ
- "เศรษฐา" มอบ "บังเกอร์อุ่นใจ" ให้ประชาชนแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
- กัมพูชาเรียกร้องสวีเดนพิจารณาการขายเครื่องบินขับไล่กริพเพนให้ไทย
- “ภูมิธรรม” ไม่ขัดทำรั้วชายแดน ลุยเพิกถอนเขากระโดง ลั่น ทำตามคำพิพากษา
- ตร. แจงดราม่าผลักดันนักเรียนวัย 13 ปี กลับประเทศ เห็นใจเด็ก แต่ต้องทำให้ถูกต้อง
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath