ล้วงลึกเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ! ‘สมปอง’ รับยืมเงิน ‘ทิดจอร์จ’ 13 ล้าน อ้างตาใสไม่รู้เป็นเงินวัด

เมื่อวันที่ 28 ส.ค.รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกันต่อ กรณีวัดพระบาทน้ำพุ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเส้นทางการเงิน หรือความไม่ชอบมาพากลอีกหลากหลาย หลังจากที่ อดีตพระอลงกต และ หมอบี ถูกนำตัวไปฝากขังในคดียักยอกเงินวัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

รศ.ดร.จันทิมา อังคพณิชกิจ อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เล่าเหตุการณ์เมื่อราวๆ 20 ปีก่อน ที่เข้าไปใช้ชีวิตในวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อทำวิทยานิพนธ์ โดยมีประเด็นในเรื่องการสื่อสาร และวิธีการชูจุดขายถึงความน่าสลดหดหู่ และความน่าเวทนา ของผู้ป่วย HIV เพื่อนำมาเรียกขอเงินบริจาค

โดย รศ.ดร.จันทิมา เล่าว่า ในช่วงนั้น หลวงพ่อจะออกหนังสือ เหมือนเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ภายในวัด ออกทุกๆ 2 สัปดาห์ ในหนังสือก็จะมีภาพของผู้ป่วย ที่ร่างกายไม่น่ามอง แสดงให้เห็นว่า ถ้าป่วยแล้ว ถ้าเป็นโรคนี้แล้ว จะต้องทุกข์ทรมาน จะต้องน่าสังเวช เวทนา เสียชีวิตในสภาพผอมเกร็ง ทำให้คนเกิดภาพจำแบบนั้น

ทั้งยังมีส่วนที่จัดแสดงศพผู้เสียชีวิต ซึ่งที่ปรากฏเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ ถือว่าซอฟต์แล้ว มีอะไรมาครอบแล้ว เพราะเมื่อ 20 ปีก่อนไม่มี เป็นการเอาศพมาวางบนแท่นเฉยๆ ให้คนมาดู แล้วพอเกิดความรู้สึกกลัว ความสงสาร ก็จะตบท้ายด้วยการเชิญชวนให้บริจาค

รศ.ดร.จันทิมา บอกว่า สิ่งเหล่านี้มันเป็นการสร้างกรอบความคิด สร้างภาพจำให้คนที่ได้เห็น ให้สังคมภายนอก ได้เกิดภาพจำของผู้ป่วย HIV ว่าจะเป็นแบบนี้ตลอดไป ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งที่ไม่ใช่ความจริง

ขณะที่ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. บอกว่า วันที่เริ่มเข้าไปเก็บข้อมูล เฉพาะธุรกรรม 2 ประเภทหลักๆ ที่น่าสงสัย แค่ 1. การทำธุรกรรมทางออนไลน์ 7 แสนบาทขึ้นไป กับ การโอนหน้าเคาน์เตอร์ 2 ล้านขึ้นไป ขนาดโฟกัสแค่นี้ยังเจอเส้นเงิน 1,000 กว่าล้าน ถ้าไปเช็กสเตตเมนต์ทั้งหมดจะขนาดไหน และที่สำคัญคือเจอคนที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงินของผู้ต้องหา ประมาณ 20 คน

เมื่อวานนี้ ไปตรวจสอบพร้อมกับ สตง. ปปง. และไปเจอเช็ค ประมาณ 30 ฉบับ รวมเงินประมาณร้อยกว่าล้าน เช็คพวกนี้ไม่เคยเอาเข้าธนาคาร เป็นเช็คที่สั่งจ่ายให้วัดพระบาทน้ำพุ

จากการได้เข้าไปสอบปากคำ และสอบถาม อดีตพระอลงกต ก็คือเรื่องเช็ค ถามว่าทำไมถึงไม่เอาเข้าธนาคาร ทิดจ๊อดบอกว่า แกถูกโกงไปร้อยกว่าล้าน จากนักธุรกิจคนหนึ่ง ที่เคยมาดูแล เคยเอาเฮลิคอปเตอร์มารับหลวงพ่อไปกิจนิมนต์ที่ต่างๆ จนใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก แล้วมาขอยืมเงินท่าน เป็นร้อยล้าน บอกว่าจะเอาไปซื้อเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัว ยกให้หลวงพ่อ 1 ลำ สุดท้ายหนี ไม่คืน

เรื่องเงินบริจาคในวัด ของวัดพระบาทน้ำพุ ไม่มีการบริหารจัดการให้โปร่งใสเลย ถามว่ามีตู้ทั้งหมดกี่ตู้ ท่านตอบไม่ได้ แล้วคนที่อยากจะเอากล่องรับบริจาคไปวางวางที่หน่วยงานตัวเอง ก็ขอไม่ยากเลย ไปติดต่อแล้วเอาตู้ไปวางได้เลย ที่สำคัญคือตู้ก็มีหลายแบบมากๆ พอถามว่า แล้ววิธีเก็บเงินจากตู้ ทำยังไง ทางเจ้าหน้าที่บอกว่า จะมาส่งเองก็ได้ จะโอนมาก็ได้ แต่เมื่อถามว่า แล้วถ้าเขาไม่โอนมา ไม่ส่งเงินมา จะทำยังไง เจ้าหน้าที่บอกว่า “แล้วแต่สำนึก”

จากการเข้าไปตรวจสอบภายในวัด มันดูมีสองฝั่งแยกขาวดำชัดเจนมากๆ ฝั่งที่ทำเกี่ยวกับการบริจาค การบริหารจัดการในวัด เป็นปกติมากๆ แต่ฝั่งที่เป็นสีดำ ก็คือมีการโยกย้ายเอาเงินไปทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่กิจของวัด โดยเฉพาะมีการไปตั้งบริษัทเกี่ยวกับไฟฟ้า พลังงาน ทุนจดทะเบียนร้อยล้าน ที่บอกว่าเป็นการลงทุนเพื่อสร้างงานสร้างอาชีพให้ผู้ป่วย HIV ในวัด เอาต้นกระถินมาปลูก แล้วจะทำเป็นไฟฟ้าชีวมวล แต่ทิดจ๊อดบอกว่า เขาผิดพลาดเองที่ทำแล้วมันไม่ประสบความสำเร็จ

ที่สำคัญก็คือ เมื่อถามว่า บัญชีวัดมีทั้งหมดกี่บัญชี ไม่มีใครตอบได้เลย แปลว่ามันมีเยอะมาก น่ากลัวมาก

อีกหนึ่งในประเด็นสำคัญ ที่มีการเปิดออกมาในเรื่องนี้ ก็คือบรรดา อินฟลูเอนเซอร์ นักร้อง ศิลปิน ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินของทิดจ๊อด หรือ อดีตพระอลงกต โดยหนึ่งในคนที่ตรงกับอักษรย่อ ส.เสือ และได้ออกมายอมรับเองในเวลาต่อมา ก็คือ สมปอง นครไธสง หรือ ทิดสมปอง อดีตพระมหาสมปอง

สมปอง โฟนอินเข้ามาชี้แจง โดยบอกว่า ตนรู้จักพระอลงกตมาตั้งแต่ตนเริ่มเป็นพระ การไปบรรยายที่ไหน ตนก็จะเอาสื่อของวัดพระบาทน้ำพุมาใช้ในการบรรยายบ่อยมาก เช่นการบรรยายเรื่องรักในวัยเรียน ก็จะเอาสื่อของวัดมาประกอบการบรรยาย ตอนนั้นที่ไปทำรายการ “ธรรมะเดลิเวอรี่” ตนต้องทำ CSR กับทางบริษัท ก็บอกให้ทางบริษัท บริจาคเงินช่วยวัดพระบาทน้ำพุ ก็บริจาคให้ไป 3 ล้านกว่าบาท นั่นคือเรื่องราวสมัยเป็นพระ

ต่อมาหลังจากสึกเป็นฆราวาส ตนมีภาระค่าใช้จ่ายเยอะมาก ในการดูแลแม่ป่วยสโตรกติดเตียง ตอนนั้นมีปัญหาเรื่องเงินจนเป็นหนี้สิน มีภาระดอกเบี้ยสูงมาก จนทำให้ตนตัดสินใจว่า จะไปขอยืมอดีตพระอลงกต ตัดสินใจอยู่นานก่อนจะโทรไปขอยืมเงิน 10 ล้าน เพราะไม่อยากเสียดอกเบี้ย ท่านก็ถามว่าจะใช้คืนภายในกี่ปี ตนก็บอกไปว่าภายใน 4 ปี รับปากแล้วได้เงินมา แต่พอได้เงินมาแล้ว เจอวิกฤตโควิด ทำให้ไม่สามารถคืนเงินได้ตามที่ตั้งใจได้ แต่ก็พยายามจะหามาใช้ให้ได้ทุกเดือน ทุกเดือน

เมื่อถามว่าทำไมถึงคิดว่าอดีตพระอลงกต มีเงินให้ยืมมากขนาดนั้น ก็เพราะว่าหลวงพ่อท่านเป็นที่รู้จัก เป็นที่ศรัทธาของญาติโยม มองว่า ในมุมของการที่พระจะมีเงินส่วนตัว ก็คิดว่าหลวงพ่อท่านน่าจะมีอยู่พอสมควร

เมื่อถามว่า ยืมมาทั้งหมดเท่าไหร่ โดยประมาณคือ 13-14 ล้านเศษ ดยทยอยมาเป็นก้อนๆ 3 ครั้งคือ 3 ล้าน / 4 ล้าน / 5 ล้าน และเงินสดใส่ถุงมาอีก 1 ล้าน ใช้คืนไป 5.5 ล้าน เหลืออยู่ 8.8 ล้าน โดยมีสลิป และมีบันทึกการคืนทั้งหมด จดลงในเอกสารบัญชี ว่าคืนไปเท่าไหร่บ้าง เหลือเท่าไหร่บ้าง โดยเวลาโอน โอนคืนบัญชีส่วนบุคคล ซึ่งน่าจะเป็นลูกศิษย์ชายใกล้ชิด ของหลวงพ่ออลงกต โดยเป็นการยืมปากเปล่า ไม่มีการทำสัญญาด้วย

สมปองยืนยันว่า ยืมมาเท่าไหร่ ตั้งใจจะคืนให้ครบ ครั้งสุดท้ายที่โอนคืนไปคือ มกราคม 2568 ที่ผ่านมา โดยคนที่โอนให้ตน และรับเงินก็คือคนๆ เดียวกันเสมอ ไม่ใช่ตัวหลวงพ่อแต่เป็นศิษย์คนสนิทที่ว่า

สมปองยอมรับว่า เมื่อเกิดเรื่องขึ้นมา ก็น้อยใจคนใกล้ตัวเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นพี่หนุ่ม หรือแพรรี่ ที่บอกว่ามั่นใจในตัวพี่สมปองแค่ 70% ทั้งที่เวลามีเรื่องของแพรรี่ ตนมั่นใจในตัวน้อง 100% เสมอ

ถามว่าเงินยอดหนี้ที่เหลือจะทำยังไง ถ้ายังป่วยแพนิกจนทำงานไม่ได้อีก ก็อาจจะต้องใช้เวลา 7-8 ปี แต่ตอนนี้ฟื้นแล้ว ตั้งใจจะกลับมาไลฟ์ขายของ ถ้ามีคนอุดหนุน แล้วมันเวิร์ก ก็อยากจะเคลียร์หนี้ให้หมดภายในปีนี้

สมปองบอกอีกว่า ไม่รู้ และไม่ทันได้คิดจริงๆ ว่าเงินที่ได้มามันจะเแ็นเงินวัดไหม เพราะว่าตอนยืม ก็ยืมกับบุคคล คือหลวงพ่อ และตอนที่โอนมาก็เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อโอน และคนที่รับเงินคืนก็เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ จะเป็นเงินวัดมันต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ มีการอนุมัตโดยกรรมการวัดอะไรต่างๆ ทำให้เราไม่คิดว่าจะเป็นเงินวัด ยืนยันว่าหลังจากนี้จะรีบเอาเอกสารหลักฐานไปมอบให้ตำรวจ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจแน่นอน ตนจะเป็นพยาน ไม่เป็นจำเลยแน่นอน

อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. บอกว่า ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นเงินส่วนตัวก็ว่ากันไป แต่ถ้ามันเป็นเงินวัด อย่างที่มีเส้นทางการเงินพัวพันอยู่ตอนนี้ ก็ต้องบอกว่า มันน่าผิดหวังหรือเสียใจแทนชาวพุทธ ที่เขาบริจาคเงินมาทำบุญ ทำนุบำรุงศาสนา หรือช่วยเหลือคนป่วย แต่กลับเอามาให้คนอื่นยืมอย่างง่ายดายแบบนี้เลยเป็นสิบล้าน

สิ่งหนึ่งที่ฝากถึงคุณสมปองก็คือ คุณอาจจะบอกได้ว่า คุณยืมบุคคลต่อบุคคล ไม่ได้ยืมเงินวัด แต่สิ่งสำคัญที่ต้องพึงระลึกเสมอก็คือ คนที่คุณไปยืมเขาเป็นเจ้าอาวาสวัด ถ้าพิสูจน์เจตนาได้ตั้งต้นว่า นี่คือเงินวัด หรือมีการสื่อหรือบอกแต่แรกว่านี่คือเงินวัด อันนี้ก็ครบองค์ประกอบ เบียดบังเงินวัดแน่นอน ยกตัวอย่างแบบ ทิดแย้ม วัดไร่ขิง และสีกาเก็น อันนั้นก็ยืมเงิน และพิสูจน์ได้ว่าเป็นเงินวัดชัดเจน แต่ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นเงินส่วนตัว ก็ถือว่าแล้วกันไป

พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. เปิดเผยเรื่องราวที่น่ากังวลอีกเรื่อง คือเรื่องของสภาพในวัดพระบาทน้ำพุตอนนี้ ที่ยังมีผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อีกพอสมควร รปภ.ในวัด หรือแม้แต่พระในวัด ก็เป็นผู้ป่วยติดเชื้อ HIV โดยเท่าที่ประเมิน ในวัดแบกค่าใช้จ่ายเดือนละ 3 ล้านบาทโดยประมาณ การที่หลวงพ่ออลงกตถูกจับกุม และต้องเข้าเรือนจำ ไม่รู้จะได้ประกันตัวไหม ก็ต้องถามว่า มันเป็นการทิ้งผู้ป่วยไว้กลางทางไหม เพราะไปเลือกหนทางที่ผิดกฎหมาย ที่ไม่โปร่งใส

วันนี้ สิ่งที่หน่วยงานต้องมองก็คือ การจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดอย่างเดียวมันก็อาจไม่ใช่คำตอบที่ถูกที่สุด วันนี้อาจต้องดูว่าจะเข้าไปช่วยเหลือ หรือทำให้เกิดผลกระทบต่อคนป่วยน้อยที่สุดได้อย่างไร