จับตา! เงินลงทุนมหาศาลยังคงไหลสู่ธุรกิจปศุสัตว์เชิงอุตสาหกรรม ชี้ธนาคารโลกเมินคำมั่นสิ่งแวดล้อม
กลุ่มพันธมิตร Stop Financing Factory Farming (S3F) เผยแพร่รายงานที่ระบุว่าในปี 2023 สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (IFIs) ได้ลดการลงทุนในธุรกิจปศุสัตว์เชิงอุตสาหกรรมลงเหลือ 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิม 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 แต่ถึงกระนั้น เงินลงทุนจำนวนนี้ยังคงสูงกว่าการลงทุนในโครงการเกษตรกรรมที่ยั่งยืนถึง 5 เท่า ทำให้เกิดคำถามและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อผู้ให้ทุนรายใหญ่อย่าง กลุ่มธนาคารโลก (World Bank) ว่าล้มเหลวในการทำตามคำมั่นสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างสิ้นเชิง
เมื่อวันที่ 28 ส.ค. พบรายงานล่าสุดจากกลุ่มพันธมิตร Stop Financing Factory Farming (S3F) เผยว่า ในปี 2023 สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (IFIs) ได้ลดการลงทุนในธุรกิจปศุสัตว์เชิงอุตสาหกรรมลงเหลือ 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิม 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 อย่างไรก็ตาม เม็ดเงินลงทุนดังกล่าวยังคงสูงกว่าการลงทุนในโครงการเกษตรกรรมที่ยั่งยืนถึง 5 เท่า ทำให้ผู้ให้ทุนอย่างกลุ่มธนาคารโลกถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าล้มเหลวในการทำตามคำมั่นสัญญาด้านสิ่งแวดล้อม
การลงทุนที่สวนทางกับคำมั่น
แนวโน้มการลงทุนนี้ยังคงสะท้อนมาถึงกลุ่มประเทศอาเซียน โดยระหว่างปี 2555 ถึง 2565 การผลิตเนื้อสัตว์ในภูมิภาคเพิ่มขึ้นถึง 19% จาก 16.1 ล้านตัน เป็น 19.1 ล้านตัน โดยเฉพาะในประเทศไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย ซึ่งมีการขยายตัวของฟาร์มอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะฟาร์มไก่เนื้อและฟาร์มหมู โดยนับตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา มีการติดตามโครงการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมสัตว์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกแล้วถึง 14 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 531.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปรากฏการณ์ดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า แม้การลงทุนในระดับโลกจะลดลง แต่ภาคส่วนอุตสาหกรรมสัตว์ในภูมิภาคนี้ยังคงเป็นเป้าหมายหลักของแหล่งเงินทุนทั้งในและต่างประเทศ
สำหรับประเทศไทย ข้อมูลจากกรมปศุสัตว์ระบุว่า ในปี 2567 ประเทศไทยผลิตไก่เนื้อเกือบ 2 พันล้านตัว ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาค และใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก อีกทั้งยังผลิตไข่ไก่ได้มากกว่า 16,000 ล้านฟองต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่ได้จากแม่ไก่ยืนกรงกว่า 52.8 ล้านตัว นอกจากนี้ยังเป็นผู้ผลิตสุกรรายใหญ่อันดับ 3 ของอาเซียน รองจากเวียดนามและฟิลิปปินส์ โดยในปี 2567 ได้มีการผลิตสุกรกว่า 21.7 ล้านตัว เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 6.19 การเติบโตของการผลิตในระดับอุตสาหกรรมนี้ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากสถาบันการเงิน และส่งผลให้เกิดแรงกดดันต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนในประเทศอย่างต่อเนื่อง
ผลกระทบในประเทศไทย
ศนีกานต์ รศมนตรี ผู้อำนวยการ ซิเนอร์เจีย แอนนิมอล ประเทศไทย กล่าวว่า "ประเทศไทยเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคมจากฟาร์มอุตสาหกรรมมาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียจากฟาร์มหมูที่ไหลลงสู่แม่น้ำ จนชุมชนในจังหวัดเพชรบุรีและราชบุรีต้องร้องเรียน การเผาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของหมอกควันและฝุ่นพิษ PM2.5 หรือปัญหาน้ำท่วมรุนแรงในภาคเหนือ เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนชัดเจนว่าระบบปศุสัตว์อุตสาหกรรมไม่เพียงสร้างความทุกข์ให้สัตว์จำนวนมหาศาล แต่ยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของคนไทยโดยตรง”
เสียงเรียกร้องจากภาคประชาสังคม
“แม้สถาบันการเงินระหว่างประเทศจะเริ่มลดการลงทุนในฟาร์มอุตสาหกรรม แต่การลงทุนในระบบนี้ยังสูงกว่าการเกษตรยั่งยืนถึง 5 เท่า นี่คือโอกาสสำคัญที่สถาบันการเงินในไทยควรหันมาเป็นผู้นำ สนับสนุนเกษตรกรรมยั่งยืนที่เมตตาต่อสัตว์ ลดมลพิษ และสร้างอนาคตอาหารที่มั่นคงกว่าเดิม” ศนีกานต์กล่าวเสริม
ซิเนอร์เจีย แอนนิมอล ประเทศไทย และพันธมิตร S3F จึงขอเรียกร้องให้สถาบันการเงินในไทยใช้โอกาสนี้เป็นผู้นำในการสนับสนุนระบบเกษตรที่เป็นธรรมและยั่งยืน เพื่อลดมลพิษและสร้างระบบอาหารที่เมตตาต่อสัตว์มากขึ้น
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO