รวบ! โกดังซุก ‘โดรน-อุปกรณ์-รถโมบาย’ หลังเอี่ยวความมั่นคงประเทศ
กสทช. ค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ หลังอายัดโดรนและอุปกรณ์ตรวจจับได้
เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ กสทช. ร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ และฝ่ายความมั่นคง ร่วมกันเข้าตรวจสอบภายในโกดังบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ หลังสืบทราบว่าโกดังแห่งนี้เป็นโกดังเก็บและนำเข้า โดรน และเครื่องตรวจับสัญญาณโดรน โดยหลังจากการเข้าตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ไปพบโดรน จำนวน 29 รายการ กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ จำนวน 38 เครื่อง ปืนรบกวนสัญญาณโดรน จำนวน 129 กระบอก เครื่องรบกวนสัญญาณ จำนวน 16 เครื่อง และรถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ จำนวน 1 คัน รวมถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อีกจำนวน 50 รายการ โดยมีผู้จัดการเป็นคนไทย ออกมาให้ข้อมูลและความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงยึดอุปกรณ์ทั้งหมดไปตรวจสอบที่กสทช. และคาดว่าจะมีการแถลงข่าวในวันนี้
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ทางด้าน กสทช ได้ตรวจพบสัญญาณบินโดรนที่ย่านบางปู จึงสืบสวนจนกระทั่งทราบว่าโดรนดังกล่าวมีแหล่งที่ผ่านโกดังดังกล่าว จึงร่วมกับตำรวจและผู้เกี่ยวข้องนำกำลังเข้าตรวจสอบจนกระทั่งพบของกลางจำนวนมาก สำหรับบริษัทดังกล่าว เป็นบริษัทที่เปิดมาแล้วกว่า 3 ปีและจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย มีการนำเข้า โดรนและอุปกรณ์ต่อต้านโดรนด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งมีราคาหลักล้านบาทต่อชิ้น ส่วนรถโมบายตรวจจับสัญญาณและต่อต้านโดรนมีราคาสูงกว่า 40 ล้านบาท และจะขายให้เฉพาะหน่วยงานภาครัฐเพื่อใช้ด้านความมั่นคงเท่านั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผลว่าเกี่ยวข้องกับความมั่นระหว่างประเทศหรือไม่
ทั้งนี้ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เผยว่า จากการตรวจสอบเจ้าของบริษัทเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และยังอยู่ในต่างประเทศ จึงมีการตรวจสอบผู้ดูแลบริษัทซึ่งเป็นคนไทยก่อนในเบื้องต้น โดยของกลางแต่ละชิ้นจะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากอุปกรณ์บางส่วนบริษัทมีการประกอบเอง และบางส่วนมีการนำเข้า โดยจะมีความผิดฐานกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนตามมาตรา 6 แห่ง พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 ซึ่งห้ามมิให้ผู้ใดทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ต้องได้รับโทษตามมาตรา 23 แห่ง พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม เราจะรายงานให้ทราบอีกครั้งค่ะ