พท. เผย รัฐบาล เร่งส่งผู้อพยพกลับบ้าน มอง ประชาชน มั่นใจกองทัพเป็นเรื่องดี
นายชนินทร์ รุ่งธนะเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนในพื้นที่ชายแดน 7 จังหวัดว่า หลังจากสถานการณ์การสู้รบในพื้นที่สงบลง รัฐบาลได้ดำเนินการตามแผนช่วยเหลือและฟื้นฟูที่ครอบคลุมและเป็นรูปธรรมในหลายด้าน
โดยรัฐบาลได้มีการประสานรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่เพื่อดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การสู้รบที่ชายแดน ทั้งในด้านชีวิตความเป็นอยู่ การเคลื่อนย้ายกลับที่ตั้ง การรักษาความปลอดภัย และการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ นอกจากนี้ สส. หลายท่านโดยเฉพาะ สส. ในพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย ขณะนี้อยู่ในพื้นที่เพื่อประสานงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ และเร่งด่วน
โดยเมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมาที่ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการแทนนายกรัฐมนตรีภูมิธรรม เวชชัย พร้อมด้วยมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และธีรรัตน์ สำเร็จวานิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางไปพบปะกับพี่น้องประชาชนที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว อำนวยความสะดวกในการส่งพี่น้องประชาชนกลับบ้านและได้เรียกประชุมผู้ว่าราชการ 4 จังหวัด (สุรินทร์, อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ, บุรีรัมย์) เพื่อติดตามและสั่งการ การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ โดยได้สั่งการใน 5 แนวทางสำคัญ ได้แก่
1.ข้อสั่งการเรื่องอำนวยความสะดวกในการกลับบ้าน ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมช่วยเสริมรถเดินทาง ให้กระทรวงสาธารณสุขช่วยอำนวยความสะดวกรถพยาบาลสำหรับผู้ป่วยและผู้สูงอายุ และกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย เตรียมอาหารแห้งและของใช้บางส่วน ให้พี่น้องประชาชนกลับไปใช้ในช่วงต้น
2.ข้อสั่งการเรื่องสำรวจความเสียหายและการซ่อมแซม มีคำสั่งให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งตรวจสอบความเสียหาย เพื่อเบิกจ่ายเงินเยียวยา และให้ผู้ว่าราชการประสานทุกส่วนราชการที่ดำเนินการได้ เช่น ทหาร ช่าง อาชีวะศึกษา และโยธาธิการ ช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชน โดยใช้เงินทดรองจ่ายตามกรอบที่ดำเนินการได้โดยเร็ว
3. ข้อสั่งการเรื่องการลดภาระค่าครองชีพให้พี่น้องประชาชน โดยเตรียมขอมติ ครม. เพื่อให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการประปาส่วนภูมิภาค เว้นการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายกับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยเป็นเวลา 2 เดือน ระหว่างช่วงกรกฎาคม-สิงหาคม 2568
4.ข้อสั่งการเรื่องการสำรวจประกอบอาชีพและสาธารณสุข ทั้งเรื่องสุขภาพกายและใจ โดยกระทรวงสาธารณสุข ครอบคลุมทั้งประชาชนที่มีการเสียขวัญจากสถานการณ์การสู้รบ และผู้ปฏิบัติงานทั้งทหาร ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน อาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่ทุกคนในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัยเช่นกัน
5.ข้อสั่งการเรื่องการตอบแทนเจ้าหน้าที่อาสาที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือ โดยเตรียมขอมติ ครม.เพื่อดำเนินการจ่ายค่าตอบแทนชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และเจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่ได้รับแต่งตั้งให้ช่วยดำเนินการในภารกิจดูแลประชาชนระหว่างช่วงอพยพ ในกรอบวงเงินวันละ 120 - 240 บาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสียงภัยตลอดเวลาที่ผ่านมา ว่า รัฐบาลเพื่อไทย และสส.ในพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย ทุกท่านพร้อมประสานความช่วยเหลือให้พี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ เพื่อเร่งคืนสภาพความเป็นอยู่ที่ดี คืนวิถีชีวิต คืนรอยยิ้ม บนผืนแผ่นดินไทยนี้ ให้ได้โดยเร็ว
ด้านนายดนุพร ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคเพื่อไทย เผยถึงผลสำรวจที่ระบุว่า เหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ประชาชนเชื่อมั่นในกองทัพมากกว่ารัฐบาลในการดำเนินการ ว่า กองทัพคือหน่วยหน้าที่อยู่ในพื้นที่ สิ่งที่ประชาชนเชื่อมั่นในกองทัพเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้อง “แต่รัฐบาลทำงานร่วมกับกองทัพเป็นหนึ่งเดียว” มีการตั้งคณะกรรมการหลายชุดที่เป็นทั้งคนของรัฐบาลและกองทัพ เพื่อแก้ปัญหาในพื้นที่ ฝากประชาชนให้เชื่อมั่นการทำงาน
ส่วนเป็นการสะท้อนถึงความนิยมของรัฐบาลหรือไม่นั้น ยืนยันว่า ไม่ใช่ ประชาชนเข้าใจดีเมื่อเกิดเหตุสงคราม ตัวพึ่งหลักของประเทศและที่พึ่งหลักของรัฐบาลคือกองทัพ ที่จะปกป้องอธิปไตยของประเทศ เราปฏิเสธไม่ได้ว่ากองทัพคือกำลังหลักในการรักษาอธิปไตยของประเทศ ประชาชนเชื่อมั่นในกองทัพเป็นสิ่งที่ดี