ต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะสบาย? ชาวอเมริกันชี้เฉลี่ย 30 ล้านบาท แต่ Gen Z ขอแค่ 12 ล้านบาท ขณะที่ Boomers ต้องการถึง 34 ล้านบาท
เคยสงสัยหรือไม่ว่าเราต้องมีเงินเก็บเท่าไหร่ถึงจะรู้สึกว่าชีวิตนี้สบายทางการเงินแล้ว? ผลสำรวจล่าสุดจาก Charles Schwab ได้เผยตัวเลขในใจของชาวอเมริกันว่า โดยเฉลี่ยแล้วพวกเขาต้องการความมั่งคั่งสุทธิ (Net Worth) ถึง 839,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 30.8 ล้านบาท) เพื่อให้รู้สึกว่ามีชีวิตที่สุขสบาย และต้องการถึง 2.3 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 84.4 ล้านบาท) เพื่อที่จะนิยามตัวเองว่าร่ำรวย
ตัวเลขความคาดหวังนี้แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงวัย โดยคนรุ่น Gen Z มองว่าต้องการเงิน 329,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 12 ล้านบาท) ขณะที่กลุ่ม Millennials ต้องการ 847,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 31.1 ล้านบาท)
ส่วน Gen X ต้องการ 783,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 28.7 ล้านบาท) และกลุ่ม Baby Boomers ต้องการสูงที่สุดถึง 943,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 34.6 ล้านบาท) เพื่อให้รู้สึกสบายใจในบั้นปลายชีวิต
แต่ ‘ความจริง’ อันโหดร้ายก็คือ คนส่วนใหญ่ไม่เคยไปถึงจุดนั้น ข้อมูลจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ในปี 2022 แสดงให้เห็นว่า ค่าเฉลี่ยของความมั่งคั่งสุทธิของครอบครัวในช่วงวัยใกล้เกษียณ (65-74 ปี) อยู่ที่เพียง 409,900 ดอลลาร์ (ประมาณ 15 ล้านบาท) ซึ่งไม่ถึงครึ่งหนึ่งของตัวเลขที่พวกเขาใฝ่ฝันไว้ด้วยซ้ำ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินถึงกับกล่าวว่าตัวเลขเหล่านี้ ‘น่าหดหู่’ และเป็นภาพสะท้อนอนาคตที่น่ากังวลของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
นิยามของคำว่าสบายทางการเงินในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการใช้ชีวิตหรูหรา แต่คือการไม่ต้องกังวลแบบเดือนชนเดือน สามารถรับมือกับเหตุฉุกเฉินได้ และสามารถเก็บออมเพื่อเป้าหมายในอนาคตอย่างการเกษียณได้
แต่ภาพความเป็นจริงของครัวเรือนอเมริกันส่วนใหญ่กลับสวนทาง โดยนอกจากจะมีรายได้เฉลี่ยราว 80,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.9 ล้านบาท) ต่อปีแล้ว พวกเขายังมีหนี้สินจำนวนมาก ทั้งหนี้บ้าน, หนี้การศึกษา, หนี้รถยนต์ และหนี้บัตรเครดิต
ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่า สถานะทางการเงินของคนส่วนมากจึงไม่ได้อยู่ในจุดที่สุขสบาย แต่เป็นสภาวะ ‘ความตึงเครียดทางการเงินระดับปานกลางถึงรุนแรง’ เสียมากกว่า และชี้ว่าคนอเมริกันจำนวนมาก ‘ไม่มีความยืดหยุ่นทางการเงินเพียงพอ’ ที่จะรับมือกับเหตุไม่คาดฝันได้ ซึ่งปัญหาใหญ่คือความมั่งคั่งส่วนใหญ่มักจะจมอยู่กับบ้านที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่นำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันไม่ได้
ดังนั้น แทนที่จะมองแค่ความมั่งคั่งสุทธิ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตั้ง ‘เป้าหมาย’ การออมในสินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่ชัดเจนตามช่วงวัยและรายได้ ตัวอย่างเช่น คนอายุ 25 ปี ที่มีรายได้เฉลี่ย 55,000 ดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 2 ล้านบาท) ควรมีเงินลงทุนอย่างน้อย 11,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 4 แสนบาท)
หรือคนอายุ 45 ปี ที่มีรายได้ 105,000 ดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 3.8 ล้านบาท) ควรตั้งเป้าหมายมีเงินลงทุนให้ได้ 315,000 ถึง 430,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 11.5 ถึง 15.8 ล้านบาท)
สำหรับวัยเกษียณ มีแนวทางยอดนิยมที่เรียกว่ากฎ 4% (4% Rule) ซึ่งหมายถึงการที่เราสามารถถอนเงิน 4% จากพอร์ตการลงทุนออกมาใช้ได้ทุกปีโดยที่เงินต้นไม่หมดไปใน 30 ปี ซึ่งหากต้องการใช้ชีวิตอย่างสบายๆ ด้วยเงิน 50,000 ดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 1.8 ล้านบาท) จะต้องมีเงินออมในพอร์ตลงทุนถึง 1.25 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 45.9 ล้านบาท) เลยทีเดียว
ผู้เชี่ยวชาญทางการเงินได้ให้ ‘บทเรียน’ ที่สำคัญจากประสบการณ์ว่า ความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดสองอย่างที่คนส่วนใหญ่มักทำคือ การเริ่มต้นออมช้าเกินไป และ การมีหนี้สินที่มีดอกเบี้ยสูง โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิต ซึ่งเป็นตัวบ่อนทำลายความมั่นคงทางการเงินอย่างร้ายแรงที่สุด
ท้ายที่สุดแล้ว คำแนะนำที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังที่สุดคือ ‘เริ่มต้นจากสิ่งที่คุณมี และเริ่มต้นจากจุดที่คุณอยู่’ ไม่จำเป็นต้องแก้ไขทุกอย่างในคราวเดียว แต่การเริ่มติดตามรายจ่าย, ตั้งเป้าหมายเล็กๆ และพยายามชำระหนี้ดอกเบี้ยสูงให้เร็วที่สุด คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุด เพราะยิ่งคุณมีเวลามากเท่าไหร่ โอกาสที่จะไปถึงเป้าหมายทางการเงินในฝันก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
หมายเหตุ : ใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 32.43 บาท ณ วันที่ 28 กรกฎาคม 2568
ภาพ: oneinchpunch / Shutterstock
อ้างอิง: