‘คลัง’ จัดเก็บรายได้ต่ำเป้า 3 หมื่นล้าน จี้กรมภาษีเร่งเครื่อง 2 เดือนสุดท้าย
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังพยายามจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามประมาณการ โดยมีการเร่งรัดกรมจัดเก็บภาษีหลัก ได้แก่ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร ให้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งเหลือเวลาอีก 2 เดือน ก่อนสิ้นสุดปีงบประมาณ 2568
ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ไม่น่าจะได้รับผลกระทบในเรื่องของการจัดเก็บรายได้ การบริโภคภาคเอกชน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย สะท้อนให้เห็นจากภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บในประเทศที่ขยายตัวได้ดี และเติบโตติดต่อกันมา 9 ไตรมาส
“ตัวเลขเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนอื่นๆ เช่น ปริมาณรถยนต์นั่งจดทะเบียนที่ขยายตัว 6.3% และรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ที่ขยายตัว 3% ในเดือนมิ.ย. รวมถึงปริมาณนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่ขยายตัว 11% ก็สะท้อนว่าการบริโภคภาคเอกชนยังคงขยายตัวอยู่ ส่วนสาเหตุที่รายได้รัฐบาลลดลง เนื่องจากการจัดเก็บภาษีรถยนต์ จากมาตรการส่งเสริมอีวี“
รายงานจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ต.ค. 2567 – มิ.ย.2568) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิรวม 2,046,090 ล้านบาท โดยต่ำกว่าประมาณการ 30,314 ล้านบาท หรือ 1.5% แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 35,648 ล้านบาท หรือ 1.8%
โดย 3 กรมภาษี มีผลการจัดเก็บรายได้ ดังนี้
- กรมสรรพากร จัดเก็บได้ 1,667,663 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 53,539 ล้านบาท หรือ 3.3% แต่ต่ำกว่าประมาณการ 12,628 ล้านบาท หรือ 0.8%
- กรมสรรพสามิต จัดเก็บได้ 400,487 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 6,628 ล้านบาท หรือ 1.7% แต่ต่ำกว่าประมาณการ 48,884 ล้านบาท หรือ 10.9%
- กรมศุลกากร จัดเก็บได้ 85,318 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน 3,114 ล้านบาท หรือ 3.5% แต่ต่ำกว่าประมาณการ 6,482 ล้านบาท หรือ 7.1%
ทั้งนี้ สาเหตุหลักที่รายได้โดยรวมต่ำกว่าประมาณการ มาจากภาษีรถยนต์ ซึ่งจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากมาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า และปริมาณรถยนต์ที่ชำระภาษีต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ รวมถึงภาษีเงินได้นิติบุคคล และ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากการนำเข้า ที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป และการใช้สิทธิประโยชน์จากเขตปลอดอากรเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ และการจัดเก็บรายได้ของส่วนราชการอื่นที่สูงกว่าประมาณการ ได้เข้ามาช่วยชดเชยรายได้บางส่วนที่ต่ำกว่าประมาณการไว้ กระทรวงการคลังยังคงติดตามการจัดเก็บรายได้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้รัฐบาลสามารถบริหารรายได้ให้เพียงพอสำหรับการพัฒนาประเทศ ควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพทางการคลังให้มั่นคง
ขณะที่ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น จำนวน 2,045,527 ล้านบาท ในขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น จำนวน 2,912,010 ล้านบาท โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล จำนวน 806,163 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 445,165 ล้านบาท