สธ.เร่งส่งทีมฟื้นฟูใจด่วน หลังผู้ป่วยจิตเวชจบชีวิตใกล้ศูนย์พักพิง
วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 กระทรวงสาธารณสุขเดินหน้าฟื้นฟูสุขภาพจิตชาวบ้านในศูนย์พักพิงชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดเหตุชายอายุ 65 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยจิตเวชผูกคอเสียชีวิตในพื้นที่ใกล้ศูนย์พักพิง อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีการส่งทีมเฉพาะกิจลงพื้นที่ดูแลกลุ่มเสี่ยงทันที
ชายผู้เสียชีวิตเคยเข้ารับการรักษาอาการจิตเวชมานานกว่า 30 ปี แต่ไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องในช่วงสิบปีหลัง ญาติเปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตมีภาวะซึมเศร้าและบ่นถึงบ้านบ่อยครั้ง โดยเฉพาะเมื่อถูกพำนักในศูนย์พักพิงต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 และในวันที่ญาติเดินทางกลับไปดูบ้านโดยไม่พาเขาไปด้วย คาดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจกระทบจิตใจจนตัดสินใจจบชีวิต
เพื่อรับมือกับสถานการณ์ กระทรวงสาธารณสุขได้ส่งทีม MCATT (Mental Health Crisis Assessment and Treatment Team) ลงพื้นที่ทันที เพื่อประเมินภาวะจิตใจและให้การช่วยเหลือผู้พักอาศัยในศูนย์พักพิง พร้อมจัดกิจกรรมคลายเครียดและฟื้นฟูจิตใจ
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า จากการประเมินสุขภาพจิตผู้อพยพกว่า 20,000 คน พบว่ามีผู้มีภาวะเครียดระดับสูงถึง 600 คน และมีผู้เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย 142 คน ซึ่งทั้งหมดได้รับการดูแลเบื้องต้นทางจิตใจ และส่งต่อเข้าระบบบริการสุขภาพจิตของภาครัฐ พร้อมมีทีมติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันเหตุซ้ำ
นอกจากการดูแลด้านจิตใจแล้ว สธ. ยังดำเนินมาตรการควบคุมโรคและดูแลสุขภาพกายของผู้อพยพทั่วพื้นที่ชายแดน ปัจจุบันมีศูนย์พักพิง 705 แห่ง รองรับผู้อพยพราว 186,000 คน โดยมีผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ป่วยติดเตียงรวมกว่า 35,000 คน
กระทรวงฯ ระดมทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกว่า 360 ทีม พร้อมรถพยาบาล 129 คัน และหน่วย MERT (Medical Emergency Response Team) จากโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี ราชวิถี เลิดสิน และราชวิถี 2 รวมถึงทีมจิตอาสาจากมูลนิธิร่วมกตัญญู เข้าร่วมให้การดูแลในพื้นที่ ทั้งด้านสุขภาพจิต สุขาภิบาล การควบคุมโรคติดต่อจากอาหาร น้ำ และระบบทางเดินหายใจซึ่งอาจระบาดจากการพักอาศัยอย่างแออัด
มาตรการเร่งด่วนเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อควบคุมสถานการณ์สุขภาพในพื้นที่ศูนย์พักพิง และลดความเสี่ยงจากภาวะเครียดสะสมที่อาจส่งผลต่อสุขภาพจิตในระยะยาว