24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 31 กรกฎาคม 2568

24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 31 กรกฎาคม 2568

>> ผบ.ตร. ลงพื้นที่จังหวัดน่าน ติดตามสถานการณ์อุทกภัย ให้กำลังใจ และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ

09.00 น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางไปตรวจเยี่ยม ประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัย มาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ประสบอุทกภัยในจังหวัดน่าน

ผบ.ตร. กล่าวว่า สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ จ.น่าน พบว่ายังมีน้ำท่วมสูงในบางพื้นที่ กำชับให้ตำรวจพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนอย่างเต็มที่ ทั้งการอพยพ การดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงบ้านเรือนประชาชนที่ไม่มีใครอยู่ เพื่อป้องกันมิจฉาชีพมาก่อเหตุซ้ำเติม หากสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย เข้าสู่ระยะฟื้นฟู ต้องบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือเพื่อให้เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว พร้อมทั้งให้แต่ละโรงพักสำรวจความเสียหายอาคารที่ทำการ บ้านพัก ยานพาหนะ และทรัพย์สินของทางราชการ รายงานไปยังตำรวจภูธรจังหวัดเพื่อรวบรวมรายงานต่อไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการดำเนินการซ่อมแซม ต่อไป

หลังการประชุม ผบ.ตร.ได้ตรวจเยี่ยมจุดน้ำท่วมบ้านพัก และแฟลตตำรวจ สภ.เมืองน่าน และ ภ.จว.น่าน พร้อมให้กำลังใจ มอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับข้าราชการตำรวจ จากนั้นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและคณะเดินทางไปพื้นที่ประสบอุทกภัยใน จ.น่าน ณ บ้านแสงดาว หมู่ 2 ต.ฝายแก้ว อ.ภูเพียง , พื้นที่ ต.กองควาย อ.เมืองน่าน , พื้นที่ สภ.ภูเพียง , พื้นที่ สภ.เวียงสา เพื่อตรวจพื้นที่ดูทิศทางกระแสน้ำ และเยี่ยมให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย

>> รถจักรยานยนต์ชนกับรถบรรทุก คนขับถูกทับร่างแหลก เสียชีวิตกลางถนนสายมาลัยแมน จ.นครปฐม

09.20 น. รับแจ้งจาก มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม มีอุบัติเหตุรถบรรทุก ชนกับรถจักรยานยนต์ และมีผู้เสียชีวิต บนถนนมาลัยแมน ช่วงโค้งดอนซาก ต.วังน้ำเขียว อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีดำ ป้ายทะเบียน 9301 ล้มคว่ำอยู่ใต้รถบรรทุก 10 ล้อ สีขาว ห่างออกไปพบร่างของผู้เสียชีวิต ตรวจสอบเป็นชาย 1 ราย สภาพร่างกายแหลก ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กำแพงแสน

>> ตร.รวบหนุ่ม ปีนบ้านหวังเคลียใจ แต่ไม่พบ โมโห บุกเข้าไปแทงพ่อของอดีตคนรัก ดับคาห้องนอน อ้างอารมณ์ชั่ววูบ

10.46 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณีเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา เหตุอดีตลูกเขย ปีนเข้าบ้าน ใช้มีดปักอกตัดขั้วหัวใจ นายศิวพงศ์ อายุ 54 ปี เสียชีวิตคาเตียง ภายในห้องนอนของบ้านหลังหนึ่ง ภายในซอยห้วยใหญ่ 15 ถนนเทศบาลห้วยใหญ่ 1 ม.1 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ก่อนจะหลบหนีไป

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ห้วยใหญ่ หลังติดตามไป จับกุมตัว นายตอ (นามสมมุติ) ได้ที่บ้านเช่าไม่มีชื่อ ม.3 ต. หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 10 กม. ซึ่งเป็นบ้านของแม่ผู้ก่อเหตุ

เบื้องต้น ตำรวจได้ควบคุมตัว นายตอ ไปสอบปากคำที่ สภ.ห้วยใหญ่ โดย เจ้าตัวอยู่ในอาการมึนเมา ร้องห่มร้องไห้ตลอดเวลา โดยอ้างว่า ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ โดยก่อนหน้านี้ เพิ่งย้ายออกจากบ้านหลังเกิดเหตุไปอยู่กับแม่ ไม่ถึง 1 อาทิตย์ หลังจากถูกฝ่ายหญิงบอกเลิก แต่ผ่านมาไม่ถึง 5 วัน ฝ่ายหญิงอดีตเมียรัก โพสต์รูปเปิดตัวแฟนใหม่ ตั้งสเตตัสรูปหัวใจหวานฉ่ำ ทำให้รู้สึกโกรธ และเจ็บแค้นเสียใจเป็นอย่างมาก ประกอบกับก่อนหน้านี้มีการดื่มเหล้าอย่างหนัก จึงบุกมาที่บ้านเพื่อจะเคลียร์ปัญหากับฝ่ายหญิง แต่พอมาถึง ไม่เจออดีตเมีย จึงเกิดสติแตก บันดาลโทสะ เกิดอารมณ์ชั่ววูบ คว้ามีดในห้องนอนอดีตเมีย ย่องไปแทงพ่อตา 1 ครั้ง จนเสียชีวิต และรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป

อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ อีกทั้ง ผู้ก่อเหตุรายนี้ ยัง พูดจาวกไปวนมา และ อยู่ในการมึนเมาอย่างหนัก ตำรวจเตรียมแจ้งข้อกล่าวหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ” ขณะที่หน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเขตสองจังหวัดชลบุรีเข้าตรวจสอบเก็บหลักฐานภายในห้องที่เกิดเหตุ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

>> ไซเบอร์ฯ เดินหน้า “Money Cash Back” คืนเงินให้ข้าราชการบำนาญเหยื่อคอลเซ็นเตอร์

11.30 น. ที่ สภ.บ้านดู่ จ.เชียงราย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4 และคณะ ร่วมแถลงผลโครงการ “Money Cash Back” กรณีคืนเงิน 42,126 บาท ให้ข้าราชการบำนาญชาวพะเยา เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์

เหตุเกิดเมื่อ พ.ย.ปีก่อน ผู้เสียหายถูกหลอกให้ร่วมไลน์กลุ่มอ้างเป็นหน่วยงานดูแลข้าราชการบำนาญ ก่อนถูกลวงให้โอนเงินกว่า 50,000 บาท หลังแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ บช.สอท. สามารถอายัดเงินคงเหลือในบัญชีม้าไว้ได้ทัน

โดย ตำรวจไซเบอร์ยื่นคำร้องต่อศาล และประสานธนาคารส่งคืนเงินให้ผู้เสียหายตามขั้นตอน ผู้เสียหายเผย เงินดังกล่าวมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า สำหรับโครงการ “Money Cash Back” เกิดขึ้นเพื่อมุ่งช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากทางที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง และให้ได้รับการเยียวยาความเสียหายโดยเร็วสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของตำรวจไซเบอร์ในการดำเนินคดีอย่างจริงจัง ควบคู่กับการติดตามทรัพย์สินที่ถูกหลอกลวงไป ให้กลับคืนสู่มือผู้เสียหาย

>> รัฐบาล ยืนยันยังไม่มีฝ่ายใดยึด "ปราสาทตาควาย"

11.55 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่ากองทัพบกเตรียมแถลง กรณีกระแสข่าวว่าไทยสูญเสียการควบคุม "ปราสาทตาควาย" ให้แก่กัมพูชา ว่าไม่เป็นความจริง พร้อมยืนยันว่าทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชายังไม่มีฝ่ายใดยึดครองปราสาทดังกล่าวได้ เนื่องจากข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลอยู่ในขณะนี้ ทำให้ทหารของทั้งสองฝ่ายควบคุมพื้นที่คนละด้านของโบราณสถาน ซึ่งฝ่ายไทยยังคงปฏิบัติตามข้อตกลงและเคารพกติกาสากลอย่างเคร่งครัด โดยไม่มีการดำเนินการทางทหารในพื้นที่มรดกทางวัฒนธรรม

ก่อนการประชุม ศบ.ทก. เวลา 09.20 น. พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้อำนวยการ ศบ.ทก. ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ย้ำถึงข่าวลือและข้อมูลบิดเบือนที่เผยแพร่ในโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่องว่า เป็นเพียงกระแสที่พยายามปลุกปั่นความเข้าใจผิดในสังคม พร้อมขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลจากกองทัพหรือหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ซึ่งจะเป็นแหล่งข่าวที่ถูกต้องและเป็นทางการ
ล่าสุดกองทัพภาคที่ 2 แถลง ว่า เนื่องจากขณะนี้มีการหยุดยิงก่อน จึงยังไม่สามารถยึดพื้นที่เนิน 350 ของปราสาทตาควายได้ บริเวณตัวปราสาทยังคงมีกำลังของทั้งสองฝ่ายอยู่ในพื้นที่ ควบคุมพื้นที่คนละด้านของโบราณสถานห่างกัน 50 เมตร

>> รถ 6 ล้อเสียหลักชนเสาไฟฟ้า ริมถนนมิตรภาพ คนขับเสียชีวิตร่างติดค้างในซากรถ จ.สระบุรี

11.59 น. รับแจ้งจากมูลนิธิร่วมกตัญญู จ.สระบุรี มีอุบัติเหตุ รถบรรทุกเสียหลักชนเสาไฟฟ้า และมีผู้บาดเจ็บติดค้างในยานพาหนะ ริมถนนมิตรภาพ ฝั่งขาออกมุ่งหน้า จ.นครราชสีมา ช่วงก่อนถึงโรงงานอิฐขาว ในพื้นที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี

ที่เกิดเหตุ พบรถ 6 ล้อ มิตซูบิชิ สีเหลือง ป้ายทะเบียน กทม. ลักษณะชนกับเสาไฟฟ้าข้างทาง ตรวจสอบ พบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย อาสาสมัครดำเนินการงัดรถเพื่อนำร่างออกมาจากยานพาหนะ และตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 44 ปี ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แก่งคอย

>> ระดับน้ำโขงทะลักไม่หยุด แตะ 11.5 เมตร จ.นครพนม สูงที่สุดในรอบปี

12.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน สถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขง ที่ไหลผ่านจังหวัดนครพนม ยังคงน่าเป็นห่วง โดยเมื่อวานนี้ (30 กรกฎาคม) ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง วัดได้ที่ 11.50 เมตร ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในรอบปี และห่างจากจุดล้นตลิ่งเพียงไม่ถึง 50 เซนติเมตร แต่ยังไม่ล้นเข้าท่วมพื้นที่เขตเทศบาลเมืองนครพนมโดยตรง

เนื่องจากมีแนวเขื่อนป้องกันตลิ่งที่เสริมไว้สูงถึง 15 เมตร แต่เริ่มมีผลกระทบในบางจุด โดยเฉพาะบริเวณ ลานพญาศรีสัตตนาคราช ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำ

ด้าน เทศบาลเมืองนครพนม ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เพิ่มเติม เพื่อเตรียมพร้อมระบายน้ำลงแม่น้ำโขงโดยเร็ว หากเกิดฝนตกหนักลงมาในพื้นที่ในช่วงนี้ และมีการประกาศเตือน 4 อำเภอริมโขง เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วม ได้แก่ อำเภอบ้านแพง, อำเภอท่าอุเทน, อำเภอเมืองนครพนม และ อำเภอธาตุพนม

โดยขอให้ประชาชนในพื้นที่เตรียมพร้อมรับมือ หากระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าสู่เขตชุมชน พร้อมวางแผนการระบายน้ำและเสริมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ในเขตเศรษฐกิจสำคัญของเมืองเพื่อบรรเทาผลกระทบ

>> รถเก๋งชนกับรถจักรยานยนต์ คุณป้าวัย 68 ปีเสียชีวิต หนุ่มคนขับก้มกราบขอขมาศพ ด้วยความเสียใจ ไม่มีใครอยากให้เกิดอุบัติเหตุ

13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชลบุรี รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถจักรยานยนต์ และมีผู้เสียชีวิต บนถนนสุขุมวิท (ทางหลวงหมายเลข 3) บริเวณใกล้เคียงแยกไฟแดงบางทราย ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ชลบุรี

ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล เอ็มจี สีขาว ป้ายทะเบียน กทม. ลักษณะชนกับรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีเทา ป้ายทะเบียน ชลบุรี ใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย ตรวจสอบเอกสาร เป็นผู้หญิง อายุ 68 ปี

จากการสอบถาม ชายไทย อายุ 59 ปี คนขับรถยนต์ เปิดเผยว่า ตนขับรถมาในเลนของตัวเอง พอมาถึงที่เกิดเหตุเป็นแยกไฟแดง ซึ่งทางตรงผ่านตลอด จากนั้นมีรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตที่อยู่ด้านหน้าเลนซ้ายสุด จนมาใกล้ถึงรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวก็หักเลี้ยวขวากะทันหัน ทำให้เบรกและหักหลบไม่ทัน จึงพุ่งชนเต็มแรง พอตนรู้ว่าผู้รับบาดเจ็บได้เสียชีวิตแล้ว ตนก็รีบไปกราบขอขมาศพ เพราะก็ไม่ได้ตั้งใจ ที่จะให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น และไม่มีใครอยากให้เกิด

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด สอบสวนคนขับรถเก๋งเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง และจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

>> บอร์ด ธ.ก.ส. มีมติช่วยเหลือครอบครัวทหาร และ ตชด. ที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ยกหนี้เงินต้น ดอกเบี้ย-ทุกสัญญา

16.42 น. นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา อันส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของเกษตรกรลูกค้าของธนาคาร โดยมีทั้งทหารและประชาชนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ตลอดจนที่อยู่อาศัยรวมถึงพื้นที่ทำกินได้รับความเสียหาย และเพื่อให้ความช่วยเหลือและสงเคราะห์ลูกหนี้ และลดภาระให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง

ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร วันนี้ (31 ก.ค.) โดยมี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธ.ก.ส. เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ กรณีบุตร คู่สมรส ของลูกค้า ธ.ก.ส. ที่เป็นทหาร หรือ ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา โดยธนาคารจะยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยค้างรับและดอกเบี้ยปรับทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เป็นกรณีพิเศษ

>> ทบ. เชิญผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนร่วมหารือและรับฟังการชี้แจงข้อเท็จจริง อัพเดทสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา หลังตั้งทีมเฝ้าติดตามหยุดยิงชายแดน ไทย-กัมพูชา

16.46 น. พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกโดยกรมข่าวทหารบก ร่วมหารือกับผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนประจำประเทศไทย นำโดยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย ณ อาคารศรีสิทธิสงคราม ภายในกองบัญชาการกองทัพบก

โดยมี พล.ท. กำชัย วงศ์ศรี เจ้ากรมข่าวทหารบก เป็นประธานในการหารือ
การหารือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งการจัดตั้ง Interim ASEAN Defence Attaches Monitoring Team (Interim ASEAN DAs Monitoring Team) ในการปฏิบัติหน้าที่สังเกตการณ์สถานการณ์หยุดยิง (Ceasefire) ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา

ซึ่งการหารือในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากข้อตกลงหยุดยิง ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการเห็นพ้องร่วมกันในการจัดตั้งทีมเฝ้าติดตามชั่วคราวของฝ่ายทูตทหารจากชาติสมาชิกอาเซียนโดยเร่งด่วน เพื่อเป็นกลไกเบื้องต้นในการติดตามสถานการณ์และสร้างความไว้วางใจระหว่างทั้งสองฝ่าย

นอกจากนี้ในที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งกลไก ASEAN Monitoring Team (AMIT) ในอนาคต ซึ่งจะทำหน้าที่หลักในการเฝ้าระวังสถานการณ์ต่อไป และประเด็นนี้จะถูกหยิบยกขึ้นในการหารือในเวทีประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ General Border Committee (GBC) ระหว่างไทยและกัมพูชาที่จะจัดขึ้นในวันที่ 4 ส.ค.68 นี้

>> สธ. วางระบบดูแลสุขภาพจิตเข้มข้น ป้องกันเหตุทำร้ายตนเอง

16.56 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน กระทรวงสาธารณสุข เผย สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เสียชีวิตรวม 17 ราย จากผลกระทบทางตรง 14 ราย ทางอ้อม 3 ราย ไม่มีบาดเจ็บเพิ่ม โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการบางส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 11 แห่ง เช่นเดียวกับ รพ.สต. ที่เปิดบริการได้บางส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 11 แห่ง

เร่งคัดกรองสุขภาพจิตประชาชนไปแล้วกว่า 5 หมื่นราย พบเครียดสูง 1,603 ราย เสี่ยงฆ่าตัวตาย 231 ราย วางระบบดูแลประชาชนและผู้ป่วยจิตเวชในศูนย์พักพิงให้เข้มข้น ป้องกันการทำร้ายตนเอง พร้อมขอบคุณจิตอาสาจากทั่วประเทศ 1,987 คน สมัครเข้าร่วม “ทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุขระดับเขตสุขภาพ”

>> ในหลวง โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์พระราชทานเพลิงศพ พลทหาร เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา

17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพ "พลทหาร ญาณพัฒน์ โคตรสาขา" สังกัดกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 3 ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา

โดยมี พลเอก วสุ เจียมสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย พลโท พรชัย มาหลิน แม่ทัพน้อยที่ 2 ผู้แทนแม่ทัพภาคที่ 2 ร่วมพิธี และอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ หน่วยงานราชการในพื้น ประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา ร่วมพิธี ณ วัดสุทธจินดาวรวิหาร ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา

กองทัพบก ,กองทัพภาคที่ 2 ขอสดุดีแด่กำลังพลผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ และจะดูแลสิทธิและสวัสดิการแก่ครอบครัว พร้อมด้วยทายาทของทหารกล้าเหล่านี้ให้ดีที่สุด เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติแห่งความเสียสละเพื่อประเทศชาติ

>> แม่ใจร้าย นำทารกแรกเกิดใส่กระเป๋า เดินเข้าวางไว้ในบ้านชาวบ้าน ก่อนจะขี่รถ จยย.ออกไป ตร.เบตง ตรวจสอบทราบแล้วว่าเป็นใคร

17.05 น. สภ.เบตง ได้รับแจ้ง ว่ามีคนนำเด็กทารกแรกเกิดมาทิ้งที่บ้านหลังหนึ่ง ภายในซอยธีรวิทยา ถนนรวมวิทย์ เขตเทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา

ที่เกิดเหตุ ลักษณะเป็นบ้านปูน 3 ชั้นปลูกติดกันหลายหลัง บริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าว พบเจ้าของบ้านกับญาติๆ ยืนคอยเจ้าหน้าที่อยู่หน้าบ้านและนำเจ้าหน้าที่เดินเข้าไปภายในบ้านด้านหลัง ก็พบเด็กทารกแรกเกิด เพศหญิง ผิวขาว น้ำหนักประมาณ 3,300 กรัม ไม่สวมเสื้อผ้า ที่สะดือและท้องยังมีคราบเลือดติดอยู่ อยู่ภายในกระเป๋าผ้าสีดำ วางอยู่บนม้านั่งยาว อาสาสมัครกู้ชีพกู้ภัยสว่างเบตงธรรมสถาน จึงได้ทำตามขั้นตอนที่ได้รับการอบรมมา และรีบนำเด็กทารกส่งไปยังโรงพยาบาลเบตง

ด้าน พ.ต.อ.จิรวัฒน์ ดูดิง. ผกก.สภ.เบตง หลังจากทราบเรื่องได้สั่งการให้ พ.ต.ต.จักรินทร์ ลักษณะ สว.สอบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวนสอบสวน ทำการตรวจสอบดูกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ถนนฝั่งตรงข้ามบ้าน เพื่อจะตามหาแม่ใจร้ายที่นำเด็กทารกมาทิ้งไว้ ให้ได้ ซึ่งก็พบว่า แม่ใจร้ายรายนี้ได้ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า หมายเลขทะเบียน เบตง มาจอด ก่อนที่จะนำกระเป๋าผ้าสีดำ ซึ่งภายในมีเด็กทารก เข้าไปวางทิ้งไว้ภายในบ้าน ซึ่งในเวลาเพียง 2 นาที ก่อนที่จะขี่รถออกไป

สมาชิกในบ้านหลังดังกล่าว เล่าว่า ตนได้ออกไปทำธุระข้างนอกบ้านประมาณ 10 นาที โดยไม่ได้ล็อกประตูบ้าน เพราะมีแม่กับน้องอยู่ด้านบน พอกลับมา ก็ต้องตกใจเพราะได้ยินเสียงเด็กร้องอยู่ภายในบ้าน จึงรีบบอกคนในบ้านให้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ

ต่อมา สภ.เบตง คืบหน้าว่า เจ้าพนักงานสอบสวน ตรวจสอบและทราบว่าผู้ขับขี่เป็นใคร จะการเชิญตัวมาสอบสวนและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

>> "ที่ปรึกษาของ รมว.กต." เผยสถานทูต-ผู้ช่วยทูตทหาร ตอบรับลงพื้นที่สังเกตการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาแล้ว 24 ประเทศ

20.52 น. นางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเดินทางนำคณะทูตานุทูต ผู้ช่วยทูตทหาร สื่อมวลชนไทย และสื่อมวลชนต่างประเทศ ลงพื้นที่สังเกตการณ์พื้นที่พลเรือน ที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีของกัมพูชาว่า การเดินทางครั้งนี้ เป็นมติของ ศบ. ทก. ซึ่งเป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่าง กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ และกรมประชาสัมพันธ์

ทั้งนี้ ฝ่ายกระทรวงการต่างประเทศ นำโดยนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ และนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงตนเอง ซึ่งล่าสุดข้อมูล ณ เวลา 17.00 วันนี้ (31 ก.ค.) มีคณะทูตานุทูตและผู้ช่วยทูตทหาร รวม 24 ประเทศ สื่อมวลชนไทย ประมาณ 30 คน และสื่อต่างประเทศ ประมาณ 40 คน จาก 26 สำนักร่วมลงพื้นที่ เพื่อสื่อสารให้ประชาคมโลกทราบถึงข้อมูล หลักฐาน ความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน จากการโจมตีของกัมพูชาเป็นหลัก ที่เป็นข้อเท็จจริง เป็น "FACT Proving Mission" ซึ่งมีความถูกต้อง และ "ชัวร์" เพราะเรื่องของชีวิตคน ข้อมูลต้องเชื่อถือได้ และไม่กล่าวหาแบบเลื่อนลอย

นางสาวชยิกา ยังย้ำว่า การเดินทางนำคณะทูตานุทูต ผู้ช่วยทูตทหาร สื่อมวลชนไทย และสื่อมวลชนต่างประเทศ ลงพื้นที่สังเกตการณ์ครั้งนี้ เกิดจากข้อมติของที่ประชุม ศบ.ทก.โดยเป็น 1 ในแผนงานที่มีความตั้งใจจะเดินทางทันที เมื่อสถานการณ์ในพื้นที่ปลอดภัย หลังการเจรจาหยุดยิง

>> ไฟไหม้รถยนต์ ริมถนนสาทร จนท.ใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

21.06 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ สถานที่เกิดเหตุ ไม่มีเลขที่ ใกล้เคียงสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเซนต์หลุยส์ ถนนสาทร แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นรถรับจ้างสาธารณะ (รถแท็กซี่ ) สีชมพูขาว ป้ายทะเบียน กรุงเทพมหานคร รถใช้น้ำมันเบนซินและแก๊สเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิง เพลิงลุกไหม้เสียหายเฉพาะห้องเครื่องยนต์ รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่ห้องเครื่องยนต์ ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยถนนจันทน์

>> เพลิงไหม้ภายในห้องเก็บของ ย่านตลาดกระบัง รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับทัน ก่อนจะลุกลาม

21.51 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน สถานที่เกิดเหตุ ไม่มีเลขที่ ซอยไอ.ซี.ดี. 4 ถนนเจ้าคุณทหาร แขวงคลองสามประเวศ เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร

ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นอาคารโครงสร้างเหล็กชั้นเดียวผนังยิปซั่ม ใช้สำหรับเก็บของเก่า ต้นเพลิงเกิดภายในอาคาร บริเวณห้องเก็บของ เพลิงลุกไหม้ โซฟาลุกลามเก้าอี้ เสื้อผ้า และกองกระดาษ พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 9 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ

ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากการลักลอบเผา ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยร่มเกล้า

>> แผ่นดินไหว ประเทศเมียนมา

22.46 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิมยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 2.4 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกของ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 172 กม. ยังไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย

>> รถนั่งส่วนบุคคลชนเข้าท้ายรถเทรลเลอร์ ริมถนนหมายเลข 3 (สุุขุมวิท) สาววัย 35 ปีเสียชีวิตในซากรถ จ.ชลบุรี

00.55 น. วันที่ 1 สิงหาคม 2568 รับแจ้งจาก อาสาสว่างบริบูรณ์ เมืองพัทยา มีอุบัติเหตุรถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถเทรลเลอร์ และมีผู้บาดเจ็บติดค้างอยู่ภายในยานพาหนะ บนถนนสุขุมวิท (ทางหลวงหมายเลข 3) ก่อนถึงสะพานข้ามคลองบางละมุง ในพื้นที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล BMW สีดำ ป้ายทะเบียน กทม. ลักษณะชนเข้าท้ายรถเทรลเลอร์ สีเขียว ป้ายทะเบียน ตรวจสอบภายในยานพาหนะ พบว่าผู้ขับขี่เป็นผู้หญิง ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตรวจสอบเอกสาร เป็นหญิงไทย อายุ 35 ปี ทางอาสาสมัครจึงดำเนินการใช้เครื่องมือตัดถ่างงัดรถและนำร่างออกมา ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางละมุง