แม้วช็อกเล่ห์ฮุนเซน ตั้งใจอัดคลิปลูกบริสุทธิ์ อิ๊งค์-อนุทินซัดกันเดือด
"นายกฯ อิ๊งค์" สวน "อนุทิน" ใส่สีตีไข่ ปมหา "สี จิ้นผิง" เตือนรัฐบาลดัน กม.กาสิโน กระทบนักท่องเที่ยวจีนไม่มาไทย เหน็บเพิ่งออกจาก รบ. ไม่น่าลืมชนวนเหตุ มท.ดูแลความปลอดภัยไม่ดีหรือเปล่า "สภา" มีมติ 253 ต่อ 66 ถอนร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หลัง "ฝ่ายค้าน-รัฐบาล" โต้เดือด ให้รับปากจะไม่เสนอกลับเข้ามาอีก "จุลพันธ์” แจงถอนร่างด้วยความจริงใจ เชื่อลดความขัดแย้งในสังคม ยันสมัยประชุมนี้เสนออีกไม่ได้ "ทักษิณ" ฟาดพวกอิจฉาริษยาเป็นปัญหาใหญ่ ปท. ยันการเมืองยังไม่ถึงทางตัน ลั่นหาก "อิ๊งค์" ไม่รอดมี 2 ทาง ดันชัยเกษมนั่งนายกฯ หรือยุบสภา บอกเจ็บใจ "สมเด็จฮุน เซน" ทำลูกสาว รับสัมพันธ์ขาดสะบั้น เชื่อคลิปหลุดตั้งใจอัด เชื่อเหตุไปเหยียบตาปลาหลังแฉขบวนการคอลเซ็นเตอร์ในเขมร
ที่รัฐสภา วันที่ 9 ก.ค. เวลา 09.30 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) เดินทางถึงรัฐสภา ซึ่งจะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 3 ครั้งที่ 2 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง โดยผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญคดีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการเตรียมเอกสารอยู่
ถามว่า ทีมทนายเป็นคนของรัฐบาลหรือบุคคลภายนอก น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เดี๋ยวขอให้มีความพร้อมมากกว่านี้แล้วจะบอก เมื่อถามต่อว่าจะยื่นคำชี้แจงภายใน 15 วันหรือไม่ น.ส.แพทองธารไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว
น.ส.แพทองธารกล่าวถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน เตือนรัฐบาลถึง 3 ครั้งให้ยกเลิกนโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีกาสิโนว่า ตอนนั้นเดินทางไปเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการ ซึ่งนายสี จิ้นผิง ทราบดีอยู่แล้วว่าทุกประเทศเป็นประเทศของตัวเอง ถ้ามีคำแนะนำต่างๆ เราเองก็รับฟัง
"ท่านก็พูดเรื่องกาสิโน เราก็อธิบายให้ฟังว่าความจริงเราทำเป็นเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ได้เน้นเรื่องกาสิโน เพราะจะมีแค่ 10% เหมือนที่เราอธิบายให้คนไทยฟัง เราเห็นว่าสิงคโปร์ทำแล้วสำเร็จ เช่นเดียวกับที่มาเก๊าแน่นอนว่าทุกประเทศใกล้กัน ถ้าเรามีเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เหมือนกันก็เป็นคู่แข่งกันอยู่แล้ว และความจริงเวลาเอามาเล่าอีกรูปแบบหนึ่งก็ใส่สีตีไข่กันไป ความจริงเป็นคำแนะนำ และเราถามของจีนด้วยซ้ำว่า นายสี จิ้นผิง มีคำแนะนำอย่างไรเรื่องนักท่องเที่ยวของจีน ซึ่งเราพร้อมรับฟังอยู่แล้ว" น.ส.แพทองธารกล่าว
ซักว่านายอนุทินพูดชัดว่านายสี จิ้นผิง เตือนถึง 3 ครั้ง ถ้าไทยยังไม่ยอมถอยก็จะปรับมาตรการจนกระทบกับนักท่องเที่ยวที่มาไทยทำให้ลดลงไปถึง 90% น.ส.แพทองธารย้อนถามสื่อว่า "หมายความว่าเกิดขึ้นแล้วเหรอคะ นักท่องเที่ยว 90%" สื่อตอบกลับไปว่า นายอนุทินสื่อสารมาว่าเหตุที่นักท่องเที่ยวหายไปเพราะเหตุผลนี้ น.ส.แพทองธารตอบว่า “อ้าว ท่านอดีต มท.1 ออกไปได้ไม่นาน ลืมซะแล้วว่าเหตุผลที่นักท่องเที่ยวจีนไม่มาเมืองไทยเพราะเรื่องความปลอดภัยหรือเปล่า เรื่องของความปลอดภัย เรื่องของมหาดไทย ที่เขาไม่เข้ามาเพราะเรื่องความปลอดภัย"
น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ความจริงแล้วตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงช่วงโลว์ซีซันประมาณ 30% ที่ผ่านมา 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ และเรามีนักท่องเที่ยวยุโรปเพิ่มมากขึ้น จีนลดลงเพราะมีมาตรการเที่ยวในประเทศ ความจริงมันมีปัญหาหลายเรื่อง ทั้งเรื่องคอลเซ็นเตอร์ เรื่องตัดน้ำตัดไฟ พอจะตัดก็ตัดยากต้องสั่งแล้วสั่งอีก ไม่ทราบว่าได้จดไว้หรือเปล่า แต่ว่าจริงๆ แล้วเหตุผลที่นักท่องเที่ยวลดไม่ได้เป็นตามที่กล่าวอ้าง
'อิ๊งค์-อนุทิน' เดือดปมกาสิโน
ถามว่า จริงหรือไม่ที่นายสี จิ้นผิง บอกว่าหากไทยไม่ถอนจะมีการปรับมาตรการเรื่องนักท่องเที่ยวที่จะมาไทย น.ส.แพทองธารกล่าวว่า นายสี จิ้นผิง พูดก่อนที่เราจะอธิบายว่าท่านไม่ได้สนับสนุนเรื่องของกาสิโน ถ้าประเทศไหนมีก็จะดูว่าคนจีนที่จะไปจะเป็นอย่างไร ไม่ได้บอกว่าจะปรับมาตรการ เราเลยถามกลับว่าท่านมีข้อกำหนดหรือข้อแนะนำอย่างไร เราไม่ได้ปิดประตูเรารับคำแนะนำ แต่พอเอามาเขียนทั้งหมดมันก็ดูใส่สีกันเข้าไป ความจริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องต่างประเทศ ความจริงก็มีบันทึกอยู่
พอถามว่า สุดท้ายแล้วเรื่องนี้เราถอนหรือแค่รอดูสถานการณ์แล้วเอาเข้ามาใหม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ก็ตามมติของสภาว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น เมื่อถามว่าตั้งข้อสังเกตหรือไม่ทำไมนายอนุทินถึงออกมาพูดวันนี้ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ให้ประชาชนสังเกตได้เลย เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่เคยพูดคุยกันก็ทราบดีอยู่แล้วว่าติดขัดกับทางพรรค ภท.ที่ไม่อยากให้ทำเป็นกฎหมายพิเศษ อยากให้เป็นกฎหมายแค่เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ไม่มีกาสิโน แล้วใครจะมาลงทุน
ทั้งนี้ นายอนุทินได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวตั้งแต่เช้าตรู่วันที่ 9 ก.ค. เรื่องการถอนร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรออกจากการพิจารณาในสภา ตอนหนึ่งระบุว่า การดำเนินนโยบายนี้มาอย่างต่อเนื่องได้สร้างความเสียหายอย่างยับเยินแก่ภาคการท่องเที่ยวของไทยอย่างรุนแรงที่สุดจนไม่อาจเยียวยาได้อีก รัฐบาลทราบเป็นอย่างดีว่าจีนมีท่าทีไม่เห็นด้วยที่ทางการไทยจะผ่านกฎหมายให้มีการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรพร้อมกับอนุญาตให้มีการเล่นการพนันได้ และได้มีการพูดตอกย้ำถึง 3 ครั้งในที่ประชุมระดับผู้นำของทั้งสองประเทศว่าขอให้ยกเลิกนโยบายนี้เสีย มิฉะนั้นรัฐบาลจีนมีความจำเป็นที่จะต้องออกมาตรการต่างๆ ที่จะทำให้คนจีนและกิจการต่างๆ ของจีนปรับท่าทีต่อการท่องเที่ยว รวมไปถึงท่าทีต่อการค้าและการลงทุนกับไทยให้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
นายอนุทินให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า ที่โพสต์ออกไปไม่ได้แฉ ตนไม่เคยใส่สีตีไข่ มีแต่เรื่องที่เป็นข้อเท็จจริง แล้วจริงๆ ที่ตนเขียนเพื่อเป็นกำลังใจให้รัฐบาลถอนร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ออกไป โดยเป็นการถอนแล้วถอนเลย ไม่ใช่ถอนแล้วนำกลับมาใหม่ ถ้าจะพิจารณาก็ให้พิจารณาวันนี้เลย ซึ่งท่าทีของพรรค ภท.เป็นแบบนี้มาตลอด
ถามว่า น.ส.แพทองธารระบุนักท่องเที่ยวลดเพราะไม่เชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยที่มหาดไทยดูแล นายอนุทินกล่าวว่า หลายๆ เรื่องประกอบกัน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยไม่ได้ดูตำรวจ และตำรวจท่องเที่ยวก็ไม่ได้ขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในสมัยที่ตนเป็น รมว.มหาดไทย ก็ได้รับการกำชับว่าจะต้องอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวให้มากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย และความเป็นธรรมทุกๆ อย่าง
ต่อมาเวลา 09.25 น. ในประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 3 ครั้งที่ 2 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ….. ที่คณะรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้เสนอได้มีหนังสือมายังสภาผู้แทนราษฎร ขอถอนร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ออกจากระเบียบวาระการประชุม ซึ่งตามข้อบังคับที่ 61 กำหนดว่า การถอนพระราชบัญญัติที่ประธานสั่งบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมแล้ว จะกระทำได้เมื่อได้รับการยินยอมจากที่ประชุม ซึ่งได้ถามในที่ประชุมว่าเห็นด้วยเป็นอย่างอื่นหรือไม่
จุลพันธ์แจงยังเห็นไม่ตรงกัน
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ ลุกขึ้นกล่าวว่า อยากทราบเหตุผลที่แท้จริงจาก ครม. ถอนร่างนี้ออกจากการพิจารณาของสภา และเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าการถอนร่างในวันนี้เป็นการถอนร่างเพราะรัฐบาลเล็งเห็นแล้วว่ากฎหมายฉบับนี้มีปัญหา จึงอยากถอนออกไปเพื่อกลับไปศึกษาอย่างรอบคอบ ตามข้อทักท้วงของภาคประชาสังคม ไม่ได้เป็นการถอนร่างเพียงเพราะกลัวว่าวันนี้เสียงในสภาไม่พอ แล้วจะถูกโหวตคว่ำในสภาวันนี้ ดังนั้นจึงอยากขอฟังเหตุผลจากตัวแทน ครม.ว่าถอนด้วยเหตุผลอะไร
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง ตัวแทน ครม. ได้ชี้แจงว่า เหตุและผลในการถอนร่าง ประเด็นแรก ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก มีการปรับองค์ประกอบของ ครม.และพรรคร่วมรัฐบาลอย่างมีนัยสำคัญ มีรัฐมนตรีใหม่ที่เข้าร่วมกับ ครม.กว่า 14 ท่าน ซึ่งเป็นจำนวนที่ค่อนข้างมาก จึงเป็นเหตุและผลที่มีความเหมาะสมที่จะให้ทาง ครม.ชุดใหม่ทบทวนเพื่อให้รอบคอบอีกครั้ง
"รัฐบาลมีความประสงค์ดีในการขับเคลื่อนการทางเศรษฐกิจให้เกิดการจ้างงาน การลงทุนขนาดใหญ่ เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลง และที่สำคัญการสถานที่ท่องเที่ยวสร้างโดยมนุษย์ เป็นเจตนาของรัฐ และยังมีความเชื่อมั่นว่ากลไกในการขับเคลื่อนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย แต่เนื่องด้วยความเข้าใจในสังคมยังมีความหลากหลายความคิด จึงมีความจำเป็นให้สังคมได้ใช้เวลาพิจารณาอย่างรอบคอบ" นายจุลพันธ์กล่าว
ตัวแทน ครม.กล่าวว่า ส่วนจะมีการนำร่างฉบับดังกล่าวกลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้งหรือไม่นั้น ตนยอมรับว่าตอบไม่ได้ แต่ก็รู้กันดีว่ากฎหมายในลักษณะนี้ใช้การดำเนินการค่อนข้างนาน และหากในสภายังมีความเห็นที่แตกต่าง ยิ่งใช้เวลานานเป็นเท่าตัว
เวลา 11.05 น. นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรค ภท. ลุกขึ้นขอเสนอญัตติ เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับ ครม.ที่จะถอนร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวออกไป นอกจากนี้ยังได้ย้อนคำให้สัมภาษณ์ของนายจุลพันธ์เรื่องการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งตั้งข้อสงสัยว่า แล้วกาสิโนจะเกี่ยวอะไรกับการแก้ไขปัญหานี้ หรือเป็นเพราะคลิปสนทนาของสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และ น.ส.แพทองธาร เป็นดีลลับระหว่างนายกรัฐมนตรีกับอังเคิล ตนต้องขอถามว่า คำว่าต้องการอะไรขอให้บอก คืออะไร สิ่งนี้อยู่ในดีลนั้นด้วยหรือไม่
"ผมจะเห็นด้วยกับท่านรัฐมนตรีในการถอนร่างนี้ก็ได้ ถ้าท่านรัฐมนตรีสามารถยืนยันจะต่อสภาแห่งนี้ และยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่า สภาชุดที่ 26 นี้ ท่านจะไม่มีการพิจารณาเรื่องกาสิโน เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในสภาชุดนี้อีก" นายภราดรกล่าว
ขณะที่นายจุลพันธ์ชี้แจงว่า เรื่องนี้ไม่มีดีลลับในการพูดคุยสำหรับการทำเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยเฉพาะที่นายกรัฐมนตรีพูดคุยทางโทรศัพท์กับทางสมเด็จฮุน เซน และถูกอัดเทป เราเห็นได้ชัด หากฟังด้วยใจเป็นกลางก็จะรู้ว่าไม่มีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นกับประเทศ แม้แต่ประเด็นเดียว การไปแอบกินข้าวคุยกัน ตนไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน แต่ในกรณีนี้ไม่มี
เวลา 11.18 น. นายณัฐพงษ์กล่าวว่า นายจุลพันธ์อาจไม่สามารถตอบชี้แจงแทน ครม.ได้ แต่ทราบว่าวันนี้ น.ส.แพทองธารเดินทางมาที่อาคารรัฐสภา แม้จะถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกฯ แต่สามารถเข้าร่วมประชุมสภาได้ ในฐานะ รมว.วัฒนธรรม หากรัฐบาลมีความจริงใจให้ น.ส.แพทองธารมาตอบชี้แจงในฐานะรัฐมนตรี ก็เชื่อว่าท่านตอบได้
"จากเหตุผลที่ให้ไว้จึงอยากให้เดินหน้าสู่การลงมติ เพื่อให้สมาชิกสามารถอภิปรายเหตุผลเพิ่มเติม จึงอยากเสนอเป็นญัตติคัดค้านการใช้ข้อบังคับข้อที่ 88 เช่นเดียวกัน" นายณัฐพงษ์กล่าว
มติ 253 เสียงถอนร่างกาสิโน
จากนั้นนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ปชน. ลุกขึ้นใช้สิทธิ์พาดพิง ภายหลังนายจุลพันธ์ระบุถึงการไปรับประทานอาหารว่า พูดตรงไปตรงมาหมายถึงตนเอง เรารู้กันดีว่าการนัดกินข้าวช่วงเวลาที่ผ่านมามีใครบ้าง ก่อนจะกล่าวว่า ท่านไม่ต้องหัวเราะ ตนกล้ายืนยันว่าการกินข้าวมีอยู่จริง แต่การกินข้าวไม่ใช่ไปดีลร่วมรัฐบาล สิ่งที่ตนพูดทั้งหมดเป็นความจริง ไม่มีพฤติกรรมตระบัดสัตย์ เพิ่งทราบว่าการกินข้าวของตนจะเขย่ารัฐบาลให้สะเทือนได้ขนาดนี้
กระทั่งเวลา 12.18 น. ระหว่างที่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมในขณะนั้น ได้แจ้งที่ประชุมถึงรายชื่อผู้อภิปรายที่เหลือ นายวัชระพล ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นเสนอให้ประธานวินิจฉัยข้อที่ 74 อีกครั้ง เพื่อปิดการอภิปราย ตามข้อ 73 (2) ให้ที่ประชุมลงมติ ด้าน น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ถ้ามีสมาชิกเสนอให้ปิดการอภิปราย ตนก็ขอเสนอให้มีการอภิปรายต่อ
จากนั้นได้มีการถกเถียงกันระหว่าง สส.ของพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยอีกระยะหนึ่ง กระทั่งนายพิเชษฐ์ได้กดออดเรียกสมาชิกเข้าแสดงตนในห้องประชุมอีกหลายครั้ง
สุดท้ายเมื่อนายพิเชษฐ์ปิดการแสดงตน พบว่ามีองค์ประชุมอยู่ 253 เสียง ซึ่งถือว่าเกินกึ่งหนึ่งมาเพียง 7 คน โดยผลการลงมติจากจำนวนสมาชิก 259 เสียง เห็นด้วย 251 เสียง ไม่เห็นด้วย 3 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 4 เสียง เป็นอันว่าที่ประชุมเห็นชอบให้มีการปิดอภิปราย
ต่อมานายณัฐพงษ์กล่าวปิดการอภิปรายว่า ดูเสียงที่ลงมติให้ปิดการอภิปราย เสียงของรัฐบาลที่เสนอให้ปิดการอภิปรายบวกลบคูณหารดูแล้ว ได้ข้อสรุปตรงกันว่าหากรัฐบาลนำเรื่องเข้าสู่วาระ 1 จะถูกคว่ำอย่างแน่นอน
เวลา 12.47 น. นายจุลพันธ์กล่าวว่า ต่อให้ร่างกฎหมายนี้ลงมติถอนแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าร่างนี้จะออกจากสารบบ เพียงแต่ห้ามยื่นกลับมาในสมัยประชุมเดียวกัน ซึ่งสมัยประชุมหน้าสมาชิกสามารถยื่นสู่สภาได้เช่นเดิม
"ผมมาด้วยความจริงใจว่าการถอนร่างจะเป็นประโยชน์กับประเทศและสังคมมากกว่า ส่วนที่ท่านถามเป็นสิ่งที่ผมตอบไม่ได้ว่าจะเอากลับมาอีกหรือไม่ เพราะผมไม่มีอำนาจยืนยัน แต่ได้รับมอบมาเรื่องการถอนร่างเท่านั้น” รมช.การคลังกล่าว
จากนั้น เวลา 12.55 น. นายพิเชษฐ์ได้ขอมติที่ประชุมว่าจะยินยอมให้ถอนร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถาบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ออกจากระเบียบวาระการประชุมหรือไม่ ผลปรากฏว่า จากจำนวนสมาชิก 318 เสียง เห็นด้วย 253 เสียง ไม่เห็นด้วย 66 เสียง งดออกเสียง 0 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 0 เสียง เป็นอันว่าที่ประชุมมีมติยินยอมที่จะถอนร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ออกจากระเบียบวาระการประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผลการลงมติให้ถอนร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ด้วยคะแนน 253 ต่อ 66 เสียงนั้น พบว่า ในส่วนของคะแนนเห็นชอบให้ถอนร่าง พรรคร่วมรัฐบาลลงมติให้ถอนร่างไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีเสียงของพรรคภูมิใจไทย 3 เสียง ร่วมให้ความเห็นชอบให้ถอนร่างด้วย ได้แก่ นายชูกัน กุลวงษา สส.นครพนม, น.ส.ประภา เฮงไพบูลย์ สส.กาฬสินธุ์ และนางอรอุมา บุญศิริ สส.บึงกาฬ ตลอดจนเสียงจากงูเห่าคนเดิมๆ อาทิ น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี พรรคประชาชน, น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ, นางรำพูล ตันติวณิชชานนท์ สส.อุบลราชธานี พรรคไทยสร้างไทย, นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย, นางสุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร พรรคไทยสร้างไทย, นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า
ขณะที่ นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ และนายราชิต สุดพุ่ม สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ร่วมลงมติใดๆ สำหรับเสียงไม่เห็นด้วยให้ถอนร่าง 66 เสียง เป็นของพรรคภูมิใจไทย และ 2 เสียงของพรรคไทยสร้างไทย คือนายหรั่ง ธุระพล สส.อุดรธานี และนายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี ส่วนพรรคประชาชน พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค รวมถึงพรรคเป็นธรรม ไม่ลงมติใดๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่ร่วมสังฆกรรมกับการลงมติกฎหมายนี้
แม้วลั่นการเมืองไม่ถึงทางตัน
ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เวลา 12.45 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางร่วมงาน SPLASH soft power forum 2025 เพื่อโชว์วิสัยทัศน์ในหัวข้อ "Crafting the Future: From OTOP to ThaiWORKS and Beyond" โดยถือเป็นการเจอสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการครั้งแรก ภายหลังเงียบหายจากวงสัมภาษณ์สื่อไปนาน ตั้งแต่เกิดข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ปมคลิปเสียง โดยนายทักษิณมีสีหน้ายิ้มแย้มทักทายแฟนคลับ ขณะที่ภายในงานมี น.ส.แพทองธาร นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พร้อมสามี มาร่วมรับฟังการโชว์วิสัยทัศน์ของนายทักษิณด้วย
นายทักษิณกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ตอนหนึ่งว่า บ้านเราเสียเวลาเรื่องการเมืองที่ไร้สาระมากกว่าเรื่องที่มีสาระ เลยทำให้เรื่องมีสาระถูกละเลยเป็นประจำ ปัญหาใหญ่ของประเทศนั่นคือความไม่สามัคคี มีความอิจฉาริษยา ถ้าเราอยู่ด้วยความสามัคคี ไม่อิจฉาริษยา เกื้อกูลกันซอฟต์พาวเวอร์ จะมีพลังมหาศาล ถ้าคนไทยมีสิ่งเหล่านี้ เมื่อรวมกันแล้วจะสามารถสร้างพลังซอฟต์พาวเวอร์ได้หลากหลายสาขาหลากหลายช่องทาง
ต่อมาเวลา 17.30 น. นายทักษิณพร้อม น.ส.พินทองทาเดินทางต่อไปที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท เพื่อเป็นแขกรับเชิญในรายการ 55 ปี เนชั่น ผ่าทางตันประเทศไทย เอ็กซ์คลูซีฟ ทอล์ค กับ 4 ผู้นำทางความคิด ร่วมชี้ทางรอดการเมือง ทางออกประเทศไทย 3 บก. ถาม บก.ที่ 4 ตอบ
โดยก่อนเริ่มถ่ายทอดสด พิธีกรได้เชิญนายทักษิณขึ้นบนเวที นายทักษิณกล่าวว่า “วันนี้มาในฐานะพ่อนายกฯ” ขณะเดียวกันพิธีกรได้กล่าวแซวนายทักษิณว่า “เดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหนต้องมีลูกสาวเกาะติดเป็นผู้ติดตามตลอด” ซึ่งนายทักษิณยิ้มและกล่าวว่า “ผมเป็นคนที่ใกล้ชิดลูกๆ 17 ปีที่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดลูกๆ กลับมาเขาก็ต้องมาคอยเป็นห่วงเป็นใย”
นายทักษิณกล่าวว่า "ปัญหาทางตันที่เกิดขึ้นนั้น การเมืองมีหลายรูปแบบ โดยเฉพาะเรื่องนิติสงครามที่เข้ามา บางทีก็เป็นเรื่องของตัวเลขในสภา ซึ่งเป็นคณิตศาสตร์ทางการเมือง ทุกคนเก่งคณิตศาสตร์หมด ไม่มีอะไรเกินกว่าจะสามารถแก้ได้ ขอบอกเลยว่าไม่ตัน การที่เอาพรรคภูมิใจไทยออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้เกิดทางตันหรือไม่นั้น ผมไม่ได้ขอให้ออก เพียงแค่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลที่ต้องมีผลงาน"
ถามถึงการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของ น.ส.แพทองธาร วิตกกังวลหรือไม่ว่าจะพ้นจากนายกฯ แล้วทำให้เกมการเมืองถึงขั้นยุบสภา นายทักษิณกล่าวว่า มั่นใจตามข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง และมั่นใจความบริสุทธิ์ใจของลูกสาว เชื่อว่าศาลน่าจะรับฟังด้วยเหตุและผลว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เราสามารถอธิบายได้หมด
ถามว่า กลไกการเมืองในปัจจุบันถือเป็นอุปสรรคต่อรัฐบาลในปัจจุบันหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ปัญหามีไว้ให้แก้ เมื่อมีอุปสรรคก็ต้องแก้ไป หากถามว่าถึงทางตันหรือไม่ ก็ไม่ตัน ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ากลไกบริบทปัจจุบันทำให้นายกรัฐมนตรีไปสู่การติดกับดัก และรักษาการนายกฯ ต้องประคองต่อ หรือหากไม่ลาออกก็ต้องยุบสภา
นายทักษิณกล่าวว่า รัฐบาลจะอายุสั้นนั้นขณะนี้มีหลายทางเลือกคือ 1.ถ้า น.ส.แพทองธารรอด ก็สามารถกลับมาทำงานต่อได้เต็มที่และทำยาว หรือ 2.หากไม่รอดก็มี 2 ทางเลือกเช่นกันคือ เสนอนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ อีกคนของพรรค พท. ซึ่งขณะนี้นายชัยเกษมยังฟิตและตีกอล์ฟได้สบายมาก หรืออีกทางคือยุบสภา
เจ็บใจ 'ฮุน เซน' ทำกับลูกสาว
นายทักษิณกล่าวถึงกรณีสมเด็จฮุน เซน ปล่อยคลิปสนทนากับ น.ส.แพทองธาร จะยังสามารถเป็นพี่น้องกันได้อยู่หรือไม่ว่า “เคยเป็น แม้ทำลูกผมขนาดนี้ ยอมรับว่าผมถึงกับช็อกว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร” ลูกตนจะโทร.คุยกับตนตลอด วันนั้นลูกบอกว่าจะไปที่โรสวูดเพื่อไปพบกับนายเคลียง ฮวด เพราะเขาจะต่อสายให้คุยกับสมเด็จฮุน เซน ซึ่งน.ส.แพทองธารได้เชิญนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมขณะนั้น, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ไป 3 คนอยู่ด้วยกันเพื่อคุยกับสมเด็จฮุน เซน ซึ่งรออยู่เกือบ 3 ชั่วโมง โดยเขาอ้างว่าหลับ ตนจึงให้ลูกกับคณะแยกย้ายกันกลับ แต่สมเด็จฮุน เซน กลับโทรศัพท์มาที่เบอร์ ซึ่งตนสงสัยว่าอาจจะไม่ได้หลับ แต่เตรียมการอัดเทป จึงเชื่อว่าเขาน่าจะรู้ว่าเรามีรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศอยู่ด้วย ซึ่งก็น่าเจ็บใจว่าเขาทำได้อย่างไร
นายทักษิณกล่าวว่า เมื่อเขาโทร.มาเราก็ต้องรับ ซึ่งเดิมทีเราตั้งใจจะไปคุยกันแบบมีข้อมูลที่คุยกันรู้เรื่อง ส่วนที่สมเด็จฮุน เซน มาโจมตีกันทีหลังนั้น ตนมองว่าไม่เป็นอะไร ในเมื่อความสัมพันธ์มันจบแล้วก็จบไป ตนพยายามสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นวะ คงไปเหยียบตาปลาอะไรเข้าสักอย่าง
"ในวันที่เขาถอนกำลัง และต่อมามีการรายงานว่ามีการเคลื่อนกำลังของเขมรกว่าหมื่นนายไปที่ชายแดน ผมรู้สึกโกรธมาก และโทร.ไปหานายฮวดว่า ฮวด เฮ้ยมึงบอกเจ้านายมึงสิ ไม่อยากพูดเอง พูดไปเดี๋ยวเกิดอารมณ์คุมไม่อยู่ ไปบอกเลยนะ ตกลงลูกเราเป็นผู้นำทั้ง 2 ประเทศ เราจะทำสงครามกันใช่หรือไม่" นายทักษิณกล่าว
นายทักษิณกล่าวถึงปฏิบัติการโปเชนตงด้วยว่า เหตุการณ์ในตอนนั้นเป็นเพื่อนกับสมเด็จฮุน เซนแล้ว แต่ถือว่าเรื่องประเทศเป็นเรื่องสำคัญ และมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เหมือนกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น คือการสร้างกระแสรักชาติ ส่วนห้องนอนที่สมเด็จฮุน เซน เปิดภาพออกมานั้น ตนยอมรับว่า เป็นห้องนอนจริงๆ ส่วนสีห้องนอนสีชมพูตนขอบอกว่าไม่ใช่รสนิยมตน
ถามว่า ต่อให้เป็นเรื่องคะแนนนิยมที่ตกต่ำก็ไม่ควรจะทำกันขนาดนี้ มองว่ามีเรื่องอื่นด้วยหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ไม่ใช่ เขาไม่ใช่ทำลายเรา เขาทำลายตัวเอง เพราะความน่าเชื่อถือไม่มีแล้ว เดี๋ยวนี้ไม่มีใครคบและไม่มีใครเข้าไปพูดด้วยแล้ว เพราะไม่รู้ว่าพูดจะโดนอัดเทปด้วยหรือไม่
ถามว่า จะเป็นเพราะเรื่องที่ไปพูดเกี่ยวกับคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า จำได้หรือไม่ ในช่วงที่ตนช่วยหาเสียงนายก อบจ. ตนบอกว่าตึก 25 ชั้นเป็นที่ซ่องสุมคอลเซ็นเตอร์ และให้ตำรวจไปสืบ ตำรวจก็ไปสืบจนได้หลักฐาน กลายเป็นเศรษฐกิจเขมรหลอกลวงคนไทยไป และวันนี้เรารู้เยอะเลยว่าโยงใยคอลเซ็นเตอร์ การฟอกเงิน บริษัทฮุ่ยวัน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่อเมริกาแบล็กลิสต์ไว้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ก็เป็นคนจีนที่รับฟอกเงินทุกอย่าง และมีหลานชายของสมเด็จฮุน เซน ที่ชื่อฮุน โต ถือหุ้นด้วย
ถามต่อว่า ตั้งแต่มีการปล่อยคลิปออกมาจนเป็นกับดัก น.ส.แพทองธาร ได้มีการพูดคุยกับสมเด็จฮุน เซนหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า “ไม่รู้จะคุยทำไม ผมส่งข้อความไปอันเดียวว่า สิ่งที่คุณทำแบบนี้ มันเสียหายทั้งคุณทั้งเรา และไม่ตอบอีกเลย”
นายทักษิณกล่าวว่า ตนไม่เคยคิดว่าจะบานปลาย ซึ่งวันที่ตนโทร.ไปโวยวาย เขาถามกลับมาว่าจะให้เขาทำอย่างไร ตนจึงบอกให้เขาถอนกำลัง และเขาก็บอกว่าจะอนุญาตให้ทหารเขมรที่อยู่ชายแดนพูดคุยกับทหารไทย และจะนำไปสู่การเจรจา JBC แต่บังเอิญว่าทหารเขามีกำหนดไว้แล้วว่าจะปิดด่าน เขาจึงโกรธว่าถอนทหารแล้วแต่เราปิดด่าน และโกรธที่ น.ส.แพทองธารโพสต์ว่าไม่เป็นมืออาชีพ แต่ที่สำคัญคือวันนี้เรากับกัมพูชาไม่อยู่ในสถานะประกาศสงครามต่อกัน เป็นเพียงแค่ความขัดแย้งชายแดน ฉะนั้นทุกอย่างยังพูดคุยกันได้อยู่
“ผมสนิทกับสมเด็จฮุน เซนมากเลย สนิทจริงๆ ผมก็คิดไม่ถึงว่าคนสนิทกันขนาดนี้เป็นแบบนี้ แต่แน่นอนว่าถึงเวลาปัญหาประเทศมา ผมถือปัญหาประเทศเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนจะยังเป็นเพื่อนกันอยู่หรือไม่ ผมว่าสงสัยต่างคนต่างลืมชื่อกันไปแล้ว" นายทักษิณกล่าว
พิธีกรถามอีกว่า ความสัมพันธ์ 30 กว่าปีแตกหักเพราะเรื่องนี้หรือไม่ นายทักษิณระบุว่า ตนก็ไม่เคยไปทำอะไรให้เขาโกรธ ถ้าจะโกรธก็เพราะคงเรื่องนี้ ตนให้เกียรติเขา ซึ่งเขาก็ให้เกียรติตน เรียกตนว่าพี่ชาย ส่วนที่บอกว่าป่วยไม่จริงนั้น เขาอยากจะพูดอะไรก็พูดไป ซึ่งคนไทยก็แปลก มีคนเข้าข้างเขมรส่วนหนึ่ง ซึ่งควรไปเข้ากูเกิลดูว่าพญาละแวกคือใคร จะได้เข้าใจมากกว่านี้.