สบอ.3 แจงปมย้าย ‘หัวหน้าอุทยานแก่งกระจาน’ ยันไร้ทุจริต-ตำแหน่งสูงขึ้น
เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา นายนพพร ประทุมเหง่า ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี ชี้แจงกรณีที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการโยกย้ายนายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โดยยืนยันว่าการดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามขั้นตอนราชการอย่างถูกต้อง โปร่งใส และมีเป้าหมายเพื่อประโยชน์สูงสุดในการบริหารจัดการพื้นที่อนุรักษ์ ตลอดจนการปฏิบัติงานของหน่วยงาน โดยไม่เกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์หรือการทุจริตตามที่ถูกกล่าวหา โดยการพิจารณาโยกย้ายครั้งนี้เนื่องจาก สบอ. 3 สาขาเพชรบุรี ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และเพื่อให้กระบวนการตรวจสอบดำเนินไปอย่างยุติธรรมและเป็นกลาง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จึงได้แต่งตั้งผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมให้เข้าดำรงตำแหน่งใหม่
หัวหน้าฯแก่งกระจาน ร้องคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ปมโยกย้ายไม่เป็นธรรม
ทั้งนี้เป็นไปตาม ข้อ 6 แห่งกฎ ก.พ. ว่าด้วยการย้าย การโอน หรือการเลื่อนข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. 2564 ที่ระบุว่า "การย้ายข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งในหน่วยงานเดียวกัน หรือต่างหน่วยงาน ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของทางราชการ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมกับตำแหน่ง ความสามารถของบุคคล และประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน" ที่สำคัญคือ ผู้ที่ถูกโยกย้ายคือ นายมงคล ไชยภักดี ได้รับการแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งเป็น ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 14 จังหวัดตาก ซึ่งถือเป็นตำแหน่งที่สูงขึ้น สอดคล้องกับ ข้อ 8 ของกฎ ก.พ. ฉบับเดียวกัน ที่เปิดทางให้หน่วยงานสามารถโยกย้ายข้าราชการไปยังตำแหน่งที่สูงขึ้นได้ตามดุลยพินิจของส่วนราชการ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าการโยกย้ายครั้งนี้มิได้มีเจตนาลงโทษ แต่เป็นการพิจารณาเพื่อความเหมาะสมและประสิทธิภาพในการทำงานในภาพรวม
สำหรับการแต่งตั้งบุคคลเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานคนใหม่ ก็เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว โดยบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี และยังเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มาก่อนอีกด้วย พร้อมกันนั้นยังมีผลงานโดดเด่นในด้านการบังคับใช้กฎหมายตั้งแต่ในช่วงที่ยังปฏิบัติงานในชุดเฉพาะกิจพญาเสือร่วมกับหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานมาก่อน ซึ่งมีผลงานเด่นในด้านการป้องกันรักษาทรัพยากรป่าไม้มาอย่างต่อเนื่อง และในส่วนผลงานด้านการจัดการการท่องเที่ยว และการทำงานร่วมกับชุมชนในพื้นที่ ก็มีผลงานเป็นที่ยอมรับ ทำให้มั่นใจได้ว่าการบริหารงานในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจะดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
ในส่วนของการดำเนินคดีเกี่ยวกับการบุกรุกพื้นที่กว่า 3,952 ไร่ ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ทางอุทยานฯ ได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาแก่บริษัทและบุคคลที่เกี่ยวข้องในความผิดตาม พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562, พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 และ พระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2562 โดยได้แจ้งความไว้ที่ สภ.หนองพลับ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 และทางอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้มีคำสั่งให้สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า เข้าติดตามคดีอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของกรมอุทยานฯ ในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติอย่างจริงจัง
สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี ขอยืนยันว่าการดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามระเบียบราชการที่ชัดเจน โปร่งใส และมีเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงาน พร้อมคำนึงถึงความเป็นธรรมและขวัญกำลังใจของบุคลากรทุกฝ่าย เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการปฏิบัติงานของหน่วยงานราชการ และเป็นบทพิสูจน์ว่ากรมอุทยานฯ ให้ความสำคัญกับการบริหารงานที่ยึดหลักธรรมาภิบาลเป็นสำคัญ ไม่มีการเรียกรับเงินหรือสิ่งอื่นใดในการปฏิบัติงาน และพร้อมให้ข้อมูลและตอบข้อซักถามแก่สื่อมวลชนและประชาชน เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องและชัดเจนในทุกประเด็นต่อไป