จับตาผู้ว่าฯแบงก์ชาติคนใหม่! SET แกว่งกรอบ 1,200 - 1,230 จุด สะสมหุ้นกำไรดี-ราคาถูก
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ปัจจัยต่างประเทศยังคงจับตาบทสรุปของมาตรการภาษีสหรัฐฯต่อประเทศต่างๆทั่วโลก ซึ่งมีกำหนดเส้นตาย เริ่มใช้ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ โดยยังคงคาดหวังอัตราภาษีของประเทศต่างๆจะลดลงจากรอบก่อน ช่วยกระตุ้นจิตวิทยาเชิงบวกมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังแนะติดตามการทยอยรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่เตรียมรายงานในเร็วๆนี้ (GOOGL , TSLA)
ส่วนด้าน Dollar Index อ่อนค่าลง สอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ย่อตัวเช่นกัน บ่งชี้ความคาดหวังในการลดดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี โดยคืนนี้แนะติดตามถ้อยแถลงของ "เจอโรม โพเวล" ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี
ขณะที่ปัจจัยในประเทศวันนี้ เน้นไปที่การประชุม ครม. ซึ่งคาดจะมีวาระการเสนอชื่อผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ โดยคาดว่าไม่ว่าใครจะได้รับตำแหน่ง (ดร.รุ่ง VS คุณวิทัย) ก็น่าจะสนับสนุนโอกาสในการลดดอกเบี้ยไทยในช่วงถัดไป ถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นมากขึ้น
ผลประกอบการณ์กลุ่มธนาคารในไตรมาส 2/68 พบว่า 7 ธนาคารหลักมีกำไรรวม 5.6 หมื่นล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าและเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งดีกว่าตลาดคาด 10%
ส่วนช่วงถัดไปแนะจับตาอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยกลยุทธ์ยังมองจังหวะย่อเป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้นที่แนวโน้มกำไรดี, PE ไม่แพง และมีปันผลอยู่ในระดับที่น่าสนใจ
คาด SET วันนี้ “แกว่งขึ้น” ในกรอบ 1,200 - 1,230 จุด เกาะติดประชุม ครม.คาดเสนอชื่อผู่ว่าฯ ธปท.คนใหม่ หนุนโอกาสลดดอกเบี้ยไทย กระตุ้นจิตวิทยาบวก โดยกลยุทธ์ยังเน้นย่อสะสมหุ้นคาดแนวโน้มกำไรดี และมี Valuation อยู่ในระดับที่ไม่แพง
สำหรับวันนี้แนะนำสะสม “SGC” ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 1.04 บาท คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/68 ยังคงปรับขึ้นต่อเนื่องทั้งจากไตรมาสก่อนหน้าและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการปรับขึ้น 6 ไตรมาสติดต่อกัน แรงหนุนจากสินเชื่อ Lock Phone ที่คาดยังเร่งตัวสู่ระดับ 1.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.5% จากไตรมาสก่อนหน้า
แนวโน้มไตรมาส 3 กำลังเช้าสู่ฤดูกาลออกมือถือรุ่นใหม่ คาดว่ายังเป็นปัจจัยหนุนให้กำไรครึ่งหลังยังดีต่อเนื่อง ขณะที่ Valuation ปัจจุบันซื้อขายเพียง PE 10 เท่า เป็นจังหวะน่าทยอยสะสม