โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

'เสธ.เบิร์ด'ถามหามนุษยธรรม 'ฮุน มาเนต' หากยิงมายิงกลับไม่โกง

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

28 ก.ค.พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับ กอ.รมน. กรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังออกรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่ง โดยมีประโยค ที่พูดถึงพลเอก ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในลักษณะทหารถึงทหาร ว่า พลเอก ฮุน มาเนต ปัจจุบันถือหมวก 2 ใบ ใบหนึ่งความเป็นนายกรัฐมนตรี อีกใบเคยเป็นผู้บัญชาการทหารบกมาก่อน ตนคิดว่า หมวก 2 ใบนี้ ท่านเริ่มทิ้งความเป็นทหารไปแล้วใช่หรือไม่ แล้วมาถึงหมวกความเป็นนายกรัฐมนตรี คือนักการเมือง จึงไม่เห็นความสำคัญของการมีชีวิตอยู่ของผู้บริสุทธิ์ จึงได้ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ชาวไทย เหมือนกับการพรากชีวิตผู้บริสุทธิ์เหล่านี้ไปจากครอบครัว

“ความมีมนุษยธรรมของท่านหายไปไหน ในขณะที่ตัวเองไปร่ำเรียนต่างประเทศ เป็นโรงเรียนทางต่างประเทศที่มีชื่อเสียง สิ่งเหล่านั้นมันไม่ได้มีความเป็นมนุษยธรรมอยู่ในจิตใจของท่านเลยใช่หรือไม่ ถึงได้ทำปรากฏการณ์ที่โหดร้ายขนาดนี้ นี่คือสิ่งที่ผมตั้งคำถามถึงฮุน มาเนต ในฐานะความเป็นทหารด้วยกัน”

ส่วนที่วันนี้มีการประชุมหารือระหว่าง ผู้นำกัมพูชา และรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีของไทย ถ้ามีการหยุดยิงในทางปฏิบัติจะสามารถหยุดได้ทันที หรือต้องมีอะไรหรือไม่ พลตรี วันชนะ กล่าวว่า ตนคงไม่สามารถคาดเดาผลการเจรจาได้ มันเกินกว่าการตัดสินใจ หรือการปฎิบัติเป็นของกองทัพ แต่เป็นเรื่องของผู้นำประเทศ หรือ รัฐต่อรัฐ ในการเจรจา ส่วนการให้หยุดยิงหรือให้ระงับกำลังต่างๆ ตนคิดว่าเราก็พร้อมจะปฎิบัติทุกอย่างตามที่ฝ่ายรัฐบาลสั่งการ

“ถ้าผลของการเจรจาออกมาอย่างไรก็พร้อมปฎิบัติตามนั้น แต่ตอนนี้กองทัพขอสงวนสิทธิ์ในการป้องกันตัวเอง หมายความว่าถ้าจริงใจต่อกัน หยุดยิง 2 ฝ่าย ก็จบไป แต่ถ้าปากบอกว่าหยุดยิง แต่การปฎิบัติจริงยังคงยิงอยู่ นั่นก็หมายความว่าเราก็ไม่โกงเหมือนกัน ยิงมายิงกลับ ขอสงวนสิทธิ์ในการปกป้องตัวเอง”

ส่วนข่าวปลอมข่าวเท็จว่าใครใช้อาวุธทางเคมีโจมตี จะสื่อสารอย่างไรกับประชาชน พลตรี วันชนะ กล่าวว่า การแถลงข่าวอย่างเป็นทางการของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ที่กล่าวคำเท็จเกินกว่า 90% ออกสู่สาธารณะ ออกสู่ประชาคมโลก มันเป็นการทำให้ความน่าเชื่อถือของประเทศของท่านน้อยลง สิ่งนี้ย้อนกลับไปหาตัวท่านเอง ส่วนการเสพข่าวของคนไทย ขอให้ตรวจสอบข่าวที่เชื่อถือได้ โดยเฉพาะจากสื่อมวลชน ตอนนี้มีระบบการตรวจสอบข่าวอยู่แล้ว ก็ลองตรวจสอบหลายๆแหล่ง แต่สิ่งใดก็ตามที่แถลงออกมาแล้วเป็นประโยชน์ของฝั่งกัมพูชา ก็ต้องมานั่งชั่งใจกันหน่อย

“ที่ผ่านมาคือเท็จหลายอย่างแบบหน้าด้านๆ อย่างเช่น บอกว่าท่านแม่ทัพภาคที่ 2 เสียชีวิตไปแล้ว อันนี้ก็เป็นเท็จ จนท่านก็ต้องส่งคลิปมาเอง หรือการใช้อาวุธชีวภาพ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น แม้กระทั่งกล่าวหาไทยเป็นคนรุกราน ทั้งที่ตัวเองเป็นประเทศผู้รุกรานประเทศไทยก่อน”

พลตรี วันชนะ ยังกล่าวถึงการสื่อสารกับสำนักข่าวต่างๆ ว่า จะเริ่มเห็นแล้วว่ามีการขอความร่วมมือจากสำนักข่าวต่างประเทศที่มีชื่อเสียงในโลกนี้ ถ้าอยากได้ข่าวอย่างชัดเจนและเป็นกลาง อยากให้ใช้แหล่งข่าวของทั้ง 2 ประเทศมาให้ข้อมูล ปัจจุบันเห็นตามสื่อ ได้ใช้แหล่งข่าวแหล่งเดียวจากประเทศเดียว ตนคิดว่ามันไม่ยุติธรรมต่อประเทศไทย ดังนั้นในส่วนการปฏิบัติต่างๆของการสื่อสารไปสู่โลกภายนอก คิดว่ากระทรวงต่างประเทศทำหน้าที่ตรงนั้นอยู่ และทำได้ดีด้วย

“ลองไปดู UN สิ การที่กัมพูชายื่นร้อง UN เป็นกรณีเร่งด่วน สุดท้ายเขาก็ตัดสินให้ไปคุยกันเอง 2 ประเทศ แสดงว่า UN มองเห็นแล้วว่าสิ่งที่กัมพูชายื่นไป มันไม่น่าเชื่อถือ สิ่งนี้ชัดเจน เพราะเขาอ้างเหตุผลหลายประการในการขอไต่สวนทางลับระหว่าง 2 ประเทศ แต่ UN ก็บอกให้ไปคุยกันเอง แสดงว่าสิ่งที่กัมพูชายื่นไปเขาไม่ฟัง แสดงว่าความจริงเริ่มปรากฏว่าเขมรมีนิสัยใจคออย่างไร”

เมื่อถามว่า จากการประเมินสถานการณ์ รวมถึงการเจรจา คาดว่าจะสามารถหยุดการรุกรานได้เมื่อใด พลตรี วันชนะ บอกว่า ตรงนี้เป็นเรื่องอนาคตที่ตนยังไม่สามารถตอบได้ แต่ขอให้ติดตามการปฎิบัติต่อไป ในอนาคต

ส่วนอยากฝากอะไรถึงเด็กๆ ลูกหลานกับเหตุการณ์นี้ เพราะคงฝังใจคนไทยไปอีกนาน พลตรี วันชนะ กล่าวว่า อยากสื่อสารไปให้เห็นว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือการปะทะที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่ความขัดแย้งในระดับประชาชน ความสัมพันธ์ฉันท์มิตรระหว่างชาวไทยกับชาวกัมพูชา ยังคงเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นขอให้แยกแยะ และการปฎิบัติต่อชาวกัมพูชาในประเทศไทย ก็ขอให้เป็นการปฏิบัติฉันท์มิตรเช่นกัน

“ขอร้องว่าเราอย่าตกเป็นเครื่องมือในการปลุกปั่นของฝ่ายกัมพูชา และในอนาคตคิดว่าสภาวะแวดล้อมของสังคมมันจะเปลี่ยนไปอีกหน้า ซึ่งการเจรจาเรื่องเขตแดนหรือการตกลงกันต่างๆ ในอนาคต เมื่อบริบทแวดล้อมเปลี่ยนไปก็อาจจะมีวิธีการพูดคุย และการปฏิบัติต่อกันที่ลงตัวมากกว่านี้”

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

‘ภูมิธรรม’ คุย ‘ทรัมป์’ ปลื้ม หยุดยิง เผย อยากมาไทย ชี้ เจรจาภาษี สัญญาณดี

40 นาทีที่แล้ว

ทรัมป์ยินดีสองประเทศหยุดยิง เดินหน้าเจรจาการค้า

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ปราสาทตาควายเดือด!ก่อนเส้นตาย เที่ยงคืน รบพิเศษ ประจันหน้า BHQ คุมพื้นที่

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กองถ่ายหนังต่างประเทศแห่ปักหมุดไทย คาดรายได้ปี 68 สะพัดเฉียด 5 พันล้านบาท

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

“บิ๊กเล็ก” ยันกองทัพปกป้องอธิปไตยถึงเที่ยงคืนวันนี้ เดินหน้าถก RBC-GBC

สยามรัฐ

“มาริษ” ชี้ไทยมีภาพลักษณ์ที่ดีต่อชาวโลก “กัมพูชา” ยอมคุยทวิภาคีผ่าน 3 กลไก

สยามรัฐ

“ภูมิธรรม” ยัน เจรจาหยุดยิงไทย-กัมพูชา มอบผู้นำทหาร 2 ฝ่ายหาข้อยุติร่วมกัน

สยามรัฐ

“ทรัมป์” ยินดีไทยหยุดยิง ชื่นชมมีความกล้าหาญ-เปิดทางเจรจาภาษี!

PPTV HD 36

"ภูมิธรรม" ขอรอดูผลลัพธ์พรุ่งนี้ หลังเจรจาหยุดยิง มอง หากเขมรไม่ทำตาม ก็เชื่อว่าโลกเข้าข้างเรา

THE ROOM 44 CHANNEL

‘ภูมิธรรม’ คุย ‘ทรัมป์’ ปลื้ม หยุดยิง เผย อยากมาไทย ชี้ เจรจาภาษี สัญญาณดี

กรุงเทพธุรกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม