กองถ่ายหนังต่างประเทศแห่ปักหมุดไทย คาดรายได้ปี 68 สะพัดเฉียด 5 พันล้านบาท
นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า ความสำเร็จของการปรับมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย โดยปรับอัตราการคืนเงิน (Cash Rebate) เป็น 15-30% และยกเว้นการจำกัดวงเงินคืนต่อเรื่อง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2568 พบว่าครึ่งแรกปี 2568 (ม.ค. - มิ.ย.) มีภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยแล้วจำนวน 12 เรื่อง สร้างรายได้ 1,956 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 74% เทียบกับรายได้ของปี 2567 ที่มีภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย 11 เรื่อง สร้างรายได้ 2,635 ล้านบาท
ส่วนครึ่งหลังปี 2568 (ก.ค. - ธ.ค.) มีภาพยนตร์ต่างประเทศแจ้งแผนการถ่ายทำภาพยนตร์ในไทยและเข้าร่วมมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ฯ อย่างชัดเจนแล้วจำนวน 6 เรื่อง คาดว่าจะสร้างรายได้เข้าไทยอีกจำนวน 3,000 ล้านบาท
"กรมการท่องเที่ยวจึงคาดการณ์ว่ามาตรการใหม่จะสร้างได้เติบโตเพิ่มขึ้น 40-50% สร้างรายได้รวมตลอดทั้งปี 2568 จำนวน 4,956 ล้านบาท"
หลังมีมาตรการใหม่ ปรับอัตราการคืนเงิน (Cash Rebate) จากเดิม 15-20% เป็น 15-30% โดยสิทธิประโยชน์หลักอยู่ที่ 15% จะต้องมีการลงทุนในประเทศไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมรวมแล้วไม่เกิน 15% ส่วนของเงื่อนไขการรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมดังกล่าว จะส่งผลต่อการฟื้นฟูกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย กระจายรายได้สู่เมืองรอง การเพิ่มการจ้างงานคนไทย การเพิ่มมูลค่า ค่าใช้จ่ายในประเทศ ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและประชาชนโดยตรง ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ของไทยไปยังต่างประเทศ
สำหรับข้อมูลจากกองกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่างประเทศกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่าการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ในช่วง 6 เดือน (1 ม.ค. - 30 มิ.ย. 68) มีการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย จำนวน 279 เรื่อง จากทั่วโลกมีรายได้จากการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ 2,866 ล้านบาท
โดยรวบรวมจากสถิติการขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง และได้กระจายรายได้ไปสู่ภาคธุรกิจต่างๆ ทั้งภาคอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ รวมทั้ง สามารถประชาสัมพันธ์ประเทศไทยไปสู่สายตาผู้ชมภาพยนตร์ทั่วโลก ส่งผลให้เกิดการท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์ต่อไป