ดาวโจนส์ปิดร่วง 422.17 จุด เหตุกังวลภาษีทรัมป์-หุ้นเทสลาฉุด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 400 จุดในวันจันทร์ (7 ก.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศอัตราภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บจากสินค้านำเข้าของประเทศคู่ค้า ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ อีกทั้ง ตลาดยังถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นเทสลา (Tesla)
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,406.36 จุด ลดลง 422.17 จุด หรือ -0.94%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,229.98 จุด ลดลง 49.37 จุด หรือ -0.79% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,412.52 จุด ลดลง 188.59 จุด หรือ -0.92%
นายโดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศในวันจันทร์ว่า ประเทศต่าง ๆ อย่างน้อย 14 ประเทศจะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. โดยญี่ปุ่นถูกเรียกเก็บในอัตรา 25% เพิ่มขึ้นจากระดับ 24% ที่ปธน.ทรัมป์ประกาศเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ขณะที่เกาหลีใต้ถูกเรียกเก็บในอัตรา 25% ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับที่ประกาศในวันที่ 2 เม.ย.
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้ประกาศอัตราภาษีที่จะเรียกเก็บจากประเทศไทยในอัตรา 36% ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับที่ประกาศเมื่อวันที่ 2 เม.ย.
ขณะที่มาเลเซียถูกเรียกเก็บ 25% เพิ่มขึ้นจากระดับ 24% และลาวถูกเรียกเก็บ 40% ลดลงจากระดับ 48%
ทรัมป์ได้ระบุในจดหมายที่ส่งถึงประเทศเหล่านี้ว่า อัตราภาษีใหม่นี้มีความจำเป็นเพื่อแก้ไขการขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับทั้ง 14 ประเทศ และระบุเพิ่มเติมว่า สหรัฐฯ อาจจะพิจารณาปรับระดับภาษีใหม่ โดยขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษทำเนียบขาวกล่าวว่า จะมีจดหมายส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ เพิ่มเติมในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พร้อมกับระบุว่า ทรัมป์จะลงนามในคำสั่งพิเศษเพื่อเลื่อนกำหนดเส้นตายวันพุธที่ 9 ก.ค. ออกไปเป็นวันที่ 1 ส.ค.
ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่ปธน.ทรัมป์ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติมอีก 10% ต่อประเทศที่ดำเนินนโยบายสอดคล้องกับกลุ่ม BRICS ซึ่งทรัมป์ระบุว่าเป็นนโยบายต่อต้านอเมริกา โดยกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้