"ฮุนเซน-เขมร" หมาลอบกัดยิงก่อน จดจำตระกูลชั่วนี้ให้มั่น ให้โลกรู้ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด!
ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ "ฮุนเซน-เขมร" หมาลอบกัดยิงก่อน จดจำตระกูลชั่วนี้ให้มั่น ให้โลกรู้ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด!
ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว และญาติผู้เสียชีวิตทั้ง11ราย ซึ่งเป็นพลเรือน 10 ราย และ ทหารอีก 1 นาย พร้อมกับส่งกำลังใจให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก
หน้าประวัติศาสตร์ คงต้องบันทึกเอาไว้ว่า วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ได้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันอย่างรุนแรงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และต้องย้ำว่าจุดเริ่มต้นมาจากการที่ "ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน"…นำไปสู่การตอบโต้ด้วยอาวุธหนัก และอากาศยานจากฝ่ายไทย ให้โลกรับรู้ "ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด"
เหตุการณ์เริ่มขึ้นในช่วงเช้าตรู่ บริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยมีการรายงานว่า ฝ่ายกัมพูชาใช้โดรนสอดแนม และนำกำลังพลพร้อมอาวุธเข้ามาใกล้แนวลวดหนามของไทย หลังจากที่การเจรจาเรื่องการปิดแหล่งท่องเที่ยวปราสาทตาเมือนธม ไม่เป็นผล ฝ่ายไทยได้ทำการล้อมรั้วลวดหนาม ซึ่งหลังจากนั้นฝ่ายกัมพูชา ก็ได้เปิดฉากยิงก่อนด้วยอาวุธปืนเล็กยาว และอาวุธสนับสนุน
ต่อมาการปะทะได้ขยายวงไปยังหลายพื้นที่ตามแนวชายแดน อาทิ ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาควาย, ช่องบก, เขาพระวิหาร (ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ), ช่องอานม้า และ ช่องจอม
มีการใช้อาวุธหนักในการปะทะอย่างต่อเนื่อง โดยฝ่ายกัมพูชาใช้ "จรวด BM-21" โจมตีพื้นที่พลเรือนของไทย ส่งผลให้เกิดความเสียหาย ทั้งที่ ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในปั๊มน้ำมันปตท. บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ. ศรีสะเกษ โรงพยาบาลพนมดงรัก ในพื้นที่ จ.สุรินทร์ บ้านเรืองประชาชน มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว ทำให้ประชาชนต้องอพยพไปยังศูนย์พักพิง
ขณะที่กองทัพไทย ได้ตอบโต้การโจมตีของกัมพูชา โดยมีรายงานว่า มีการส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 6 ลำ ขึ้นปฏิบัติการทางอากาศ และทิ้งระเบิดใส่เป้าหมายทางทหารของกัมพูชา 2 จุด ที่เป็นฐานยิงจรวด โจมตีชุมชนไทย
รัฐบาลได้ประณามการกระทำของกัมพูชาที่โจมตีเป้าหมายพลเรือน และกระทรวงการต่างประเทศ ได้ดำเนินการประท้วงในระดับสูงสุด ซึ่งขณะนี้ “มาริษ เสงี่ยมพงษ์” รมว.การต่างประเทศ พร้อมคณะผู้แทนไทย ก็อยู่ระหว่างการเข้าร่วม ประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูง ว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ (UN) นครนิวยอร์ก อยู่พอดี ซึ่งจะได้ชี้แจงกับสมาชิก UN ว่าไทยถูกเปิดฉากยิงก่อน
นอกจากนี้ ยังมีการสั่งปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ในจังหวัดสระแก้ว และเตือนให้คนไทยที่อยู่ในกัมพูชา เดินทางกลับประเทศ
ฟางเส้นสุดท้าย ของความอดทนอดกลั้นของกองทัพไทยหมดลง จนต้องตอบโต้ด้วยกำลังนั้น เกิดขึ้นหลังจากทหารไทย "เหยียบทุ่นระเบิด" เป็นรอบที่ 2 ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่เขมรเพิ่งวางใหม่ ในพื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บหลายนาย
งานนี้เราคนไทยก็ต้องให้กำลังทหารหาญที่ปฏิบัติหน้าที่ ปกป้องอธิปไตยป้องกันตามแนวชายแดนอย่างเต็มที่
สำหรับผู้ที่มีบทบาทสำคัญ ในการบัญชาการ "แผนจักรพงษ์ภูวนารถ" เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติครั้งนี้ เป็น “พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์” ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ประสานกำลัง ปฏิบัติการโต้ตอบกลับ ทั้งทางอากาศ และภาคพื้นดิน
“พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์” เป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่น 26 และศิษย์เก่าโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ารุ่น 37 เคยดำรงตำแหน่งสำคัญในกองทัพ อาทิ แม่ทัพภาคที่ 1 และเสนาธิการทหารบก ก่อนก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ผบ.ทบ. คนที่ 44 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 และจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2570
ส่วนท่าทีรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เพิ่งมาแสดงท่าทีขึ้งขัง ภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) วาระพิเศษ ที่มีทั้ง เลขาสมช. คณะรัฐมนตรี และผู้นำเหล่าทัพ ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน
“ภูมิธรรม” แถลงสรุปภายหลังการประชุม โดยยืนยันว่า ว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากก่อน จากนั้นได้ใช้อาวุธหนัก คือ จรวด BM-21 ยิงเข้ามาในพื้นที่ฝั่งไทย โดยไม่กำหนดเป้าหมายทางทหาร จึงไปตกในพื้นที่ที่ประชาชนอาศัย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย เป็นพลเรือน 10 ราย และทหาร 1 นาย และมีผู้บาดเจ็บ 28 ราย เป็นพลเรือน 24 ราย และทหาร 4 ราย
ทั้งนี้ ได้สั่งให้อพยพประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ ให้ออกจากแนวชายแดนในรัศมีไม่ต่ำกว่า 50 กม. เพื่อความปลอดภัย
ขณะเดียวกันก็มอบอำนาจให้กองทัพ ตัดสินใจดูแลเหตุการณ์ตามความเหมาะสม ก่อนรายงานรัฐบาล แต่ย้ำว่าต้องอยู่ภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยที่ยัง "ไม่ประกาศภาวะสงคราม"
สำหรับความเคลื่อนไหว "ฮุนเซน" ตัวต้นเหตุ ที่ทำให้เกิดความตึงเครียดตามแนวชายแดน จนนำไปสู่การปะทะกัน จนทำให้ประชนชนไทยเสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก บ้านเรือนเสียหายนั้น
ในโซเชียลฯ ลือกันหนักว่า "ฮุนเซน" เผ่นแน่บ โดยเครื่องบินส่วน ตัวเป้าหมายอยู่ที่จีน
แต่ต่อมา “ฮุน เซน” ก็ได้โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก ว่า ก่อนหน้านี้ สื่อไทยลงข่าวว่า ตนเดินทางออกจากกัมพูชาไปประเทศจีนแล้วนั้น ขอแจ้งว่า ขณะนี้ตนกำลัง วางแผน บัญชาการรบผ่านวิดีโอ และ ช่องทางอื่นๆ ร่วมกับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหาร ในทุกระดับ เพื่อต่อสู้กับโจรที่บุกโจมตี ตนไม่ได้หนีไปไหน ขอให้พี่น้องร่วมชาติทั้งหลาย อย่าได้เชื่อข่าวเท็จ !
“ฮุน เซน” บอกว่า ตนเองนั่งอยู่ตรงนี้ ตั้งแต่แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย สั่งปิดทางเข้าปราสาทตาเมือนธม และยังอ้างว่า แม่ทัพทหารไทย ภาคที่ 2 นี่ คือคนที่ยุยงปลุกปั่นสงครามด้วยการสั่งปิดปราสาทวัดตาเมือนธม เมื่อวานนี้ และ เปิดฉากยิงใส่กองทัพกัมพูชา เมื่อเช้านี้
และเขาคนนี้แหละ ที่เคยประกาศว่าจะสามารถ ยึดกัมพูชาได้ภายใน 3 วัน ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า แผนยุทธศาสตร์ 3 วัน ของเขานั้นมันเป็นอย่างไร
การรายงานข่าวแบบบิดเบือนของนักการเมืองไทย และสื่อไทย มันได้กลายเป็นวัฒนธรรมประจำของพวกเขาไปแล้ว
งั้นก็ จงโกหกต่อไปเถอะ!
“ฮุน เซน” ทิ้งท้ายด้วยข้อความว่า “Don’t Thai to me!”
ก็ไม่รู้ว่า จริงๆแล้ว “ฮุน เซน” กำลังเป็นนักรบในห้องแอร์ หรือ เผ่นออกนอกประเทศไปแล้วกันแน่
แต่บอกได้คำเดียวว่าสิ่งที่ "ฮุน เซน" กำลังบอกชาวโลกว่าไทยเป็นฝ่ายรุกล้ำเขตแดน และเปิดฉากยิงใส่เขมรก่อน จนเกิดการปะทะกันนั้น ไม่มีใครเชื่ออย่างแน่นอน เพราะ “ฮุน เซน และเขมร” ทำตัวเป็น "หมาลอบกัด" และจอมโกหก ที่นานาประเทศไม่อยากจะคบหา อีกต่อไป
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชายแดนไทย-เขมร วันนี้ คือประจักษ์พยาน ตราบชั่วอายุคนจนถึงลูกหลาน จะไม่มีทางลืม “ตระกูลฮุน” ตระกูลชั่วร้าย ที่ทำร้าย ทำลายชีวิต คนไทยผู้บริสุทธิ์ไปได้อย่างแน่นอน
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO