‘อาชีวศึกษาเอกชน’ วอนรัฐบาลให้ความสำคัญ ขอเพิ่มสัดส่วนกู้ยืมกยศ.
นายวิเชียร เนียมน้อม นายกสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชนรวมจำนวน 418 แห่ง อยู่ในกรุงเทพฯ 54 แห่ง ภาคกลาง 98 แห่ง ภาคเหนือ 32 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 199 แห่ง และภาคใต้ 35 แห่ง ที่ผ่านมาสมาคมฯ ให้การช่วยเหลือสถานศึกษาและนักเรียน นักศึกษาให้สามารถกู้ยืมเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) มาโดยตลอด ซึ่งสมาคมฯ มีข้อเสนอในการแก้ไขปัญหาการกู้ยืมเงินจาก กยศ. ซึ่งเป็นกองทุนเพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียน นักศึกษาที่ขาดโอกาสทางการศึกษา โดยในทุกปีนักเรียน นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ขอกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาต่อก็จะได้ตามยื่นกู้ แต่พบว่า กยศ.อาจจะมีเงินไม่เพียงพอให้ผู้ประสงค์จะขอกู้ทุกราย ส่งผลกระทบต่ออนาคตของนักเรียน นักศึกษาที่ต้องการจะศึกษาต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เรียนในระดับอาชีวศึกษาซึ่งเรียนจบแล้วจะสามารถหางานทำได้ตามสาขาวิชาชีพของตนเอง ก็จะทำให้ผู้เรียนเหล่านั้นหมดโอกาส โดยปัจจุบันมีนักเรียน นักศึกษาอาชีวศึกษาเอกชนทั้งระดับ ปวช., ปวส. ประมาณ 340,000 คนจาก 344 วิทยาลัย
นายวิเชียร กล่าวต่อไปว่า สมาคมฯ เป็นศูนย์รวมของสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชนที่คอยผลักดันเรื่องการอาชีวศึกษาในภาคเอกชน เป็นระดับนโยบายในทุกๆ เรื่อง ทั้งการจัดการอาชีวศึกษา การพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา การช่วยเหลือครูอาชีวศึกษา รวมถึงผู้เรียนในสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชนด้วย สมาคมฯ จึงขอสะท้อนปัญหาและขอความเห็นใจจากรัฐบาลและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการพิจารณาจัดสรรเงิน กยศ.โดยการเพิ่มปริมาณ สัดส่วน ให้กับกลุ่มอาชีวศึกษาเอกชนให้มากขึ้น ขณะเดียวกันสมาคมฯ ขอให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมผู้เรียนให้ได้เรียนในระดับอาชีวศึกษา เพราะถ้าผู้เรียนได้เรียนจบสายอาชีพ จะเป็นการสร้างระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืนได้ ดังนั้น สมาคมฯ จึงขอให้รัฐจัดสรรเงินกู้เพิ่มเติมให้กับผู้เรียนที่ประสงค์จะเรียนระดับอาชีวศึกษา เพราะนอกจากจะสร้างโอกาสทางการศึกษาแล้ว ยังถือว่าเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้การสนับสนุนสาขาที่ขาดแคลนตามที่ตลาดแรงงานต้องการด้วย
นายวิเชียร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ขอให้ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ช่วยสนับสนุนผลักดันให้ผู้เรียนได้มีโอกาสเรียนต่อในระดับอาชีวศึกษา และประสานกระทรวงการคลังซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแล กยศ. ให้จัดสรรเงินกู้สำหรับผู้เรียนอาชีวศึกษาโดยเร็วด้วย รวมถึงการพิจารณาสัดส่วนเงินกู้ กยศ. ให้สอดคล้องกับที่ตลาดแรงงานต้องการ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่าตลาดแรงงานมีความต้องการกำลังคนระดับอาชีวศึกษา ถ้าสัดส่วนของอาชีวศึกษามีปริมาณที่มากกว่าก็จะทำให้ผู้เรียนอาชีวศึกษามีปริมาณที่มากขึ้น สามารถตอบโจทย์ของประเทศชาติได้ต่อไป