AMATAลุ้นเจรจาภาษีหนุน “อิเล็ก-ดาต้า”ดันยอดขาย
#AMATA #ทันหุ้น – AMATA ชี้ผลเจรจา “ทรัมป์” สะท้อนตรงภาพเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ขณะที่ยังคงเป้านิคมเติบโตหวังแตะ 3,500 ไร่ ฟากโบรกมองหุ้นนิคมได้อานิสงส์ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และดาต้าเซ็นเตอร์ด้วย แนะนำ Overweight เลือก AMATA เป็น Top Pick พร้อมลุ้นราคาดีดเมื่อไทย-สหรัฐคุยได้ข้อสรุปจบ
นางสาวเด่นดาว โกมลเมศ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า เมื่อปรากฏผลที่ชัดเจนในการต่อรองอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกาแล้ว ผลที่ออกมาของอัตราภาษียังต้องนำมาเปรียบเทียบประเทศอื่นๆ เช่น เวียดนาม จากนั้นบริษัทจะประเมินทิศทางเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังได้ว่ามีโอกาสดีขึ้นหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นภาพรวมอื่นๆ ของเศรษฐกิจยังไม่เห็นสัญญาณเชิงลบใดเพิ่มเติมที่มีนัยสำคัญ ในขณะที่บริษัทเองยังมั่นใจจะสามารถเติบโตได้ตามแผนงานที่วางไว้อยู่
*ย้ำเป้ายอดขายปีนี้โต 15%
“เป้าหมายเราก็ยังคงเดิมหมาย เรายังไม่ได้เปลี่ยนเพราะยังไม่ได้เห็นสัญญาณลบใดที่ใหญ่เป็นสาระสำคัญ ส่วนเรื่องผลเจรจาการค้าที่ออกมาจะให้ประโยชน์ได้แค่ไหม เดี๋ยวจะต้องมีการประเมินเพิ่มอีกครั้งคะ”
ทั้งนี้ AMATA มีเป้าหมายการขายที่ดินปีนี้ 3,500 ไร่ เติบโตจากปีก่อนมากกว่า 15% จำแนกเป็น 2,500 ไร่ ในไทย, 500 ไร่ ในเวียดนามและ 500 ไร่ ในสปป.ลาว อีกทั้งกลุ่มอมตะยังคงเดินหน้าสร้างเมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับทั้ง ธุรกิจหลัก ซึ่งประกอบด้วยนิคมอุตสาหกรรม ที่อยู่อาศัย ระบบสาธารณูปโภค และบริการต่างๆ และยังมีจำนวนที่ดินในชลบุรีกับระยองทั้งรอการขาย รอการพัฒนา และที่ดินเชิงพาณิชย์ รวม 19,238 ไร่ ส่วนงบการลงทุนซื้อที่ดินเพิ่มเน้นในประเทศไทยวงเงินอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท
*ชูพื้นฐาน 23.30 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ให้คำแนะนำการลงทุนกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม หรือ Industril Estate เป็น Overweight โดยเลือก AMATA เป็นหุ้นที่น่าสนใจที่สุด และคาดการขายที่ดินล่วงหน้าในไตรมาส 2/2568 จะปรับตัวดีขึ้นเทียบกับไตรมาสแรก การขายที่ดินยังคงขับเคลื่อนโดยลูกค้าชาวจีน โดยเฉพาะในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และ Data Centre เมื่อมองไปข้างหน้าในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 กำไรจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในเชิงเปรียบเทียบกำไรของ AMATA โดดเด่นกว่า WHA (ซึ่งกำไรแนวโน้มดีเช่นกัน) เนื่องจากฐานกำไรที่ต่ำกว่า
และบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การที่ก่อนหน้านี้มาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ทำให้ลูกค้าบางรายชะลอการลงทุนนั้น เชื่อว่าการชะลอเป็นเพียงการทบทวนแผน ไม่ใช่การยกเลิกลงทุนซึ่งอุปสงค์ที่ดินนิคมยังแกร่งแม้การตัดสินใจล่าช้าเล็กน้อย ทั้งนี้เชื่อว่าประเทศไทยและเวียดนามจะยังเป็นจุดหมายการลงทุนหลักโดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนจากจีนและไต้หวัน และผลกระทบที่ชัดเจนจากอัตราภาษีระหว่างสหรัฐและไทยจะเป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนราคาหุ้นได้ แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายพื้นฐานที่ 23.30 บาท