ค่าเงินบาท และตลาดหุ้นไทย (สัปดาห์ที่ 30 มิ.ย. – 4 ก.ค. 68)
สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท
• เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบประมาณ 9 เดือน แต่ลดช่วงบวกลงบางส่วนท้ายสัปดาห์ หลังตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ทั้งนี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ โดยได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่ Sentiment ของค่าเงินดอลลาร์ฯ ยังเผชิญแรงกดดันจากหลายเรื่อง ทั้งความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการคลังที่เปราะบางมากขึ้นของสหรัฐฯ โอกาสการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับดีลการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ กับคู่ค้าสำคัญ ทั้งนี้ เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบประมาณ 9 เดือนที่ 32.305 บาทต่อดอลลาร์ฯ (นับตั้งแต่ต้นต.ค. 2567) ก่อนจะอ่อนค่ากลับมาบางส่วน หลังเงินดอลลาร์ฯ มีปัจจัยบวกจากข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งออกมาดีกว่าที่คาด และทำให้ตลาดประเมินว่า เฟดจะยังไม่จำเป็นต้องรีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ในการประชุม FOMC 29-30 ก.ค. นี้ อย่างไรก็ดี เงินบาทยังเคลื่อนไหวในกรอบแข็งค่า ขณะที่ การฟื้นตัวของเงินดอลลาร์ฯ เป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากตลาดยังคงรอติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับอีกหลายประเทศในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเส้นตาย 9 ก.ค. นี้
• สัปดาห์ระหว่างวันที่ 7-11 ก.ค. 2568 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.00-32.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิ.ย. ของไทย สถานการณ์การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศต่าง ๆ รวมถึงไทย ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคเดือนมิ.ย. ของสหรัฐฯ บันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 17-18 มิ.ย. ตลอดจนตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมิ.ย. ของจีน
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
• ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นเกือบตลอดสัปดาห์ แต่ลดช่วงบวกลงช่วงท้ายสัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนรอติดตามประเด็นนโยบายภาษีของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ โดยมีปัจจัยบวกจากการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟด รวมถึงแรงซื้อหุ้นบริษัทสื่อสารรายใหญ่ (หลังจบการประมูลคลื่นความถี่รอบใหม่) และหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่งตามทิศทางหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นแรงในเวลาต่อมาหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ซึ่งช่วยคลายความกังวลบางส่วนต่อการยกระดับความรุนแรงของกลุ่มผู้ชุมนุม นอกจากนี้ดัชนีหุ้นไทยยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากความคาดหวังเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างไทยและสหรัฐฯ หลังมีรายงานข่าวเกี่ยวกับกำหนดการเดินทางไปสหรัฐฯ ของทีมเจรจาไทย อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยลดช่วงบวกลงบางส่วนในช่วงท้ายสัปดาห์ตามแรงขายเพื่อปรับลดความเสี่ยงของนักลงทุนระหว่างรอติดตามประเด็นมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ซึ่งใกล้สิ้นสุดการผ่อนผันในวันที่ 9 ก.ค. ที่จะถึงนี้ โดยเฉพาะข้อสรุปของการเจรจาระหว่างไทยและสหรัฐฯ ประกอบกับต่างชาติยังคงขายสุทธิหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง
• สัปดาห์ที่ 7-11 ก.ค. 2568 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,110 และ 1,100 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,145 และ 1,160 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมิ.ย. ของไทย ประเด็นเกี่ยวกับมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ซึ่งจะครบกำหนดระยะผ่อนผันในวันที่ 9 ก.ค. สถานการณ์การเมืองในประเทศ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ตัวเลขการคาดการณ์เงินเฟ้อในมุมมองของผู้บริโภคเดือนมิ.ย. ของสหรัฐฯ บันทึกการประชุมเฟด (17-18 มิ.ย.) ตลอดจนดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมิ.ย. ของจีน