กาแฟพันธุ์ไทยรายได้พุ่งกว่าเท่าตัว-ลุยเพิ่มวันละสาขาสู่เป้า 1,947
PTG โชว์ฟอร์มธุรกิจ Nonoil มาแรง โตสวนกลุ่มน้ำมัน อานิสงส์ “กาแฟพันธุ์ไทย” ผลงานโดดเด่น ทำรายได้ 1,219 ล้านบาท โตพุ่ง 135.6% ประเมินครึ่งปีหลังยังแกร่ง ลั่นเป้าหมายเพิ่มวันละสาขา ให้ได้ 1,947 สาขาภายในสิ้นปี 2568
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 ปี 2568 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 56,496 ล้านบาท ลดลง 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 1.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ส่งผลให้ไตรมาส 2 บริษัทมีกำไรสุทธิ 312 ล้านบาท ส่วน 6 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ 498 ล้านบาทโดยการลดลงปัจจัยหลักมาจากธุรกิจน้ำมัน (Oil) ที่มีรายได้จากการขายและการให้บริการในไตรมาส 2 จำนวน 50,875 ล้านบาท ลดลง 5.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันรวมอยู่ที่ 1,700 ล้านลิตร ลดลง 0.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 2.0% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
อย่างไรก็ตาม แม้การขยายสถานีบริการน้ำมันจะเติบโตเพียง 1.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 2,236 สถานี แต่บริษัทยังคงมุ่งเน้นการเติบโตเชิงคุณภาพ โดยเน้นการปรับปรุงสถานีเดิมให้ทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ ส่งผลให้ในไตรมาส 2 บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดในช่องทางค้าปลีกเป็น 22.1% ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายขยายสถานีบริการเป็น 2,279 สาขา ภายในสิ้นปี 2568 เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในทางกลับกัน ธุรกิจไม่ใช่น้ำมัน (Nonoil) ยังคงเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยในไตรมาส 2 มีรายได้รวม 5,621 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เป็นผลมาจาก “ธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย” ซึ่งมีรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 1,219 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว หรือ 135.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้จำนวนสาขากาแฟพันธุ์ไทยในไตรมาส 2 อยู่ที่ 1,642 สาขา เพิ่มขึ้น 59.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 11.2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ที่ 1,476 สาขา เทียบเท่าการเปิดเฉลี่ยมากกว่า 1.7 สาขาต่อวัน ซึ่งสาขาที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การบริหารโดยตรงของบริษัท (Equity Model) คิดเป็นสัดส่วน 78% ของสาขาทั้งหมด
นอกจากนี้ บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความแข็งแกร่งในห่วงโซ่อุปทานด้านต้นน้ำ ผ่านการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อร่วมกันส่งเสริมศักยภาพของเกษตรกรในพื้นที่ต้นน้ำอย่างเป็นระบบ โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาเมล็ดกาแฟคุณภาพสูง และสนับสนุนเกษตรกรให้สามารถผลิตวัตถุดิบที่ได้มาตรฐานสากล ตั้งแต่กระบวนการปลูก แปรรูป ไปจนถึงการส่งต่อเข้าสู่เครือข่ายร้านกาแฟพันธุ์ไทย
อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้จากธุรกิจ Nonoil (ไม่รวม LPG) อยู่ที่ 5,872 ล้านบาท เติบโต 2.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากกาแฟพันธุ์ไทย เสริมด้วยการเติบโตของธุรกิจอื่น ๆ ได้แก่ ธุรกิจร้านอาหารซับเวย์ ธุรกิจศูนย์บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ Autobacs และธุรกิจอื่น ๆ ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของการขยาย Touchpoints และการสร้างระบบนิเวศธุรกิจ Nonnoil ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในหลายมิติของไลฟ์สไตล์
ทั้งนี้ จากการเติบโตที่โดดเด่นในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทจึงได้ปรับประมาณการการเติบโตของรายได้จากธุรกิจ Nonoil (ไม่รวม LPG) สำหรับทั้งปี 2568 ขึ้นเป็น 50-60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเดิม 40-50% และได้ปรับประมาณการสัดส่วนกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Nonoil ขึ้น จากเดิม 30-35% เป็น 35-40% จากการขยาย Touchpoints อย่างก้าวกระโดด นอกจากนี้ บริษัทยังคงตั้งเป้าขยาย Touchpoints ให้ครบ 2,978 สาขาภายในสิ้นปี 2568 ซึ่งประกอบด้วย ร้านกาแฟพันธุ์ไทย 1,947 สาขา และ Nonoil Touchpoints อื่น ๆ 1,031 สาขา
“แนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังยังคงมีศักยภาพเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากธุรกิจ Nonoil ที่เป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่สำคัญ ผ่านกลยุทธ์การขยายสาขาและการพัฒนาแบรนด์ ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพของกาแฟพันธุ์ไทย รวมถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของกลุ่มลูกค้าสมาชิก” นายพิทักษ์กล่าว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : กาแฟพันธุ์ไทยรายได้พุ่งกว่าเท่าตัว-ลุยเพิ่มวันละสาขาสู่เป้า 1,947
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net