“ดีอี”เร่งปั้น”สมาร์ท ซิตี้” 105 เมือง ภายในปี 70
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) เปิดเผยว่า กระทรวงดีอี ได้รับรองตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะ(สมาร์ท ซิตี้) แห่งใหม่ของจังหวัดภูเก็ต ในชื่อโครงการ “ภูเก็ตทินิคอนวัลเลย์” เพิ่ม 1 เมือง และต่ออายุตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะ 16 เมือง รวมปัจจุบันได้ขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ 37 เมือง ใน 16 จังหวัดจากทุกภูมิภาคของประเทศไทย โดยภายในปี 70 กระทรวงดีอีพร้อมเร่งขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะเพิ่มเป็น 105 เมือง ตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย มา เพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริการและการบริหารจัดการเมือง ลดค่าใช้จ่ายและการใช้ทรัพยากรของเมืองและประชากรเป้าหมาย โดยเน้นการออกแบบที่ดี และการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจและภาคประชาชนในการพัฒนาเมือง
สำหรับเมืองที่จะผ่านเกณฑ์การประเมินการต่ออายุตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะได้ ต้องเป็นเมืองที่มีความคืบหน้าในการดำเนินงานตั้งแต่ 50% ขึ้นไป จึงจะได้รับการต่ออายุการเป็นเมืองอัจฉริยะ อีก 2 ปี โดย 16 เมืองที่ได้รับการต่ออายุตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะ ได้แก่ 1 แม่เมาะเมืองน่าอยู่ จ.ลำปาง 2 คลองผดุงกรุงเกษม กรุงเทพมหานคร 3 ยะลาเมืองอัจฉริยะเพื่อการมีส่วนร่วมของประชาชน 4 สามย่านสมาร์ทซิตี้ กรุงเทพมหานคร 5 ขอนแก่นเมืองอัจฉริยะ 6 เมืองอัจฉริยะวังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง 7 นครเชียงรายสู่เมืองอัจฉริยะ 8 ภูเก็ตเมืองอัจฉริยะ 9 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เมืองอัจฉริยะ 10 เมืองศรีตรัง 11 โคราชเมืองอัจฉริยะ 12 แสนสุขสมาร์ทซิตี้ จ.ชลบุรี 13 เมืองน่านสู่เมืองอัจฉริยะ 14 การพัฒนาเมืองเก่าอย่างชาญฉลาด 15 กระบี่เมืองอัจฉริยะ และ 16 ฉะเชิงเทรา เมืองน่าอยู่ น่าเที่ยว น่าลงทุน ซึ่งเมืองอัจฉริยะ 4 เมืองแรก เป็นเมืองที่มีความคืบหน้ามากกว่า 80% ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 64 ได้มีการส่งเสริมให้ภาคเอกชนเกิดการลงทุนมากกว่า 3.09 หมื่นล้านบาท
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้ส่งเสริมศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะฯ ให้เป็น สมาร์ท กัฟเวอร์เม้นท์ คอมเพล็กซ์ เนื่องจากศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะฯ เป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการหลายกระทรวง มีบุคลากรประจำกว่า 35,000 คน และมีประชาชนสัญจรเข้าออกมากกว่า 50,000 คนต่อวัน จึงถือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงในการพัฒนาเป็น สมาร์ท ซิตี้ แซนด์บ็อกซ์ ซึ่งจะช่วยยกระดับพื้นที่ราชการให้เป็นต้นแบบเมืองอัจฉริยะ นำเทคโนโลยีมาประยุกต์แก้ไขปัญหาสำคัญ เช่น การจัดการระบบจราจร การเพิ่มพื้นที่สีเขียว การพัฒนาสิ่งแวดล้อม รวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งเป็นแหล่งองค์ความรู้และการทดลองนวัตกรรมดิจิทัลที่สามารถขยายผลการพัฒนาเมืองอัจฉริยะสู่เมืองอื่น ๆ ต่อไปได้