โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

TOP โรงกลั่นครึ่งปีหลังชะลอ สวนทางอะโรเมติกส์–น้ำมันหล่อลื่นโตต่อ

PostToday

อัพเดต 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจโรงกลั่นในไตรมาส 3 และ 4 ปี 2568 มีแนวโน้มปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า ผลจากอุปทานที่ถูกจำกัดเนื่องจากโรงกลั่นในสหรัฐและยุโรปปิดตัวลงอย่างต่อเนื่อง อุปสงค์น้ำมันอากาศยานและน้ำมันดีเซลยังอยู่ในระดับที่ดี

"ธุรกิจสารอะโรเมติกส์" คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น โดยอุปสงค์จะปรับตัวสูงขึ้นจากโรงผลิตสารปลายน้ำเปิดใหม่และความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ปลายน้ำในช่วงสิ้นปี

ขณะที่ "ธุรกิจผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน" คาดการณ์ว่าจะปรับตัวดีขึ้นเช่นกันจากอุปทานที่ถูกจำกัดเนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงของโรงผลิตน้ำมันหล่อลื้นพื้นฐานกลุ่มที่ 1 และธุรกิจตลาดสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดคาดการณ์ว่าจะยังคงถูกกดดันจากอุปทานที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงความต้องการในภูมิภาคที่มีแนวโน้มลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว

"ไทยออยล์ จะยังคงติดตามสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิด พร้อมปรับกลยุทธ์และแผนการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างมั่นคง"

ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 กลุ่มไทยออยล์ มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตที่ไม่รวมผลการขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 7.0 $/bbl จากไตรมาสก่อนหน้าที่ 5.4 $/bbl จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปทุกชนิดกับน้ำมันดิบดูไบที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันเบนซินได้แรงหนุนจากอุปสงค์ในช่วงฤดูกาลขับขี่ในสหรัฐอเมริกา

ประกอบกับราคาน้ำมันเตาปรับตัวเพิ่มขึ้นจากอุปสงค์การผลิตกระแสไฟฟ้าในภูมิภาคตะวันออกกลางและเอเชียใต้ สำหรับราคาน้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศยานปรับตัวเพิ่มขึ้นจากอุปทานที่ตึงตัวเนื่องจากโรงกลั่นในสหรัฐและยุโรปปิดตัวลง

กำไรขั้นต้นของธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และธุรกิจผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานปรับตัวสูงขึ้นจากอุปทานที่ตึงตัวเนื่องจากการปิดซ่อมบำรุง ขณะที่กำไรขั้นต้นของธุรกิจผลิตสารอะโรเมติกส์ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากอุปทานสารเบนซีนที่อยู่ในระดับสูงเนื่องจากการส่งออกจากภูมิภาคเอเชียไปยังสหรัฐอเมริกาไม่คุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ รวมทั้งอุปสงค์สารเบนซีนยังคงถูกจำกัดเนื่องจากผู้ผลิตสารปลายน้ำปิดซ่อมบำรุงประจำปี

อย่างไรก็ตาม ตลาดได้คลายความกังวลในเรื่องอุปทานที่ตึงตัวหลังจากอิสราเอลและอิหร่านบรรลุข้อตกลงหยุดยิงภายในระยะเวลา 12 วัน นับจากวันที่เริ่มมีการโจมตี ทำให้ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในไตรมาส 2 ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า ประกอบกับกลุ่มโอเปกพลัสทยอยยกเลิกมาตรการปรับลดกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้มีอุปทานเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์รับรู้ผลการขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันจำนวน 4,171 ล้านบาท

ภาพ SETTRADE

นอกจากนี้ กลุ่มไทยออยล์ ได้รับรู้กำไรพิเศษจากการซื้อคืนหุ้นกู้จำนวน 2,522 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมของบริษัท PT Chandra Asri Petrochemical Tbk (ซึ่งกลุ่มไทยออยล์ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 15) จากการซื้อกิจการของบริษัท Aster Chemical and Energy Pte. Ltd. ในสิงคโปร์ ประมาณ 7,062 ล้านบาท ทำให้กลุ่มไทยออยล์มีกำไรสุทธิ 6,476 ล้านบาท หรือ 2.90 บาทต่อหุ้น ปรับเพิ่มขึ้น 2,972 ล้านบาทจากไตรมาส 1 ปี 2568

ไทยออยล์เป็นผู้ประกอบธุรกิจการโรงกลั่นนํ้ามันแบบคอมเพล็กซ์ (Complex Refinery) และเป็นโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2504 โดยมีธุรกิจหลักคือ การกลั่นนํ้ามันปิโตรเลียม ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 275,000 บาร์เรลต่อวัน ไทยออยล์มีระบบการบริหารจัดการที่มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ (Operational Excellence)

โดยบริหารงานเป็นกลุ่มที่มีการเชื่อมโยงธุรกิจ ทั้งธุรกิจการกลั่นน้ำมัน ธุรกิจปิโตรเคมีและธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน โดยร่วมวางแผนการผลิตก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนต่ำ ขณะเดียวกันมีคุณภาพสูงในระดับโรงกลั่นชั้นนำ (Top quartile) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทำให้ได้เปรียบเชิงต้นทุนการผลิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

นอกจากนั้น ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องหลากหลาย เช่น ธุรกิจปิโตรเคมี ธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจสารทำละลาย ธุรกิจบริหารการขนส่งทางท่อ ธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาด และธุรกิจ New S-Curve

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก PostToday

กนง. มีมติเอกฉันท์ ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 1.75% เป็น 1.50% ต่อปี

27 นาทีที่แล้ว

โอกาสบนความท้าทาย : เสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

PROEN Q2 กำไรพุ่ง 295% ครึ่งปีหลังจ่อประมูล 3 โครงการรัฐมูลค่าหลายพันล.

MATICHON ONLINE

กนง.มีมติเอกฉันท์ ลดดอกเบี้ย 0.25% แตะระดับ 1.50% จาก 1.75% มีผลทันที

สยามรัฐ

ด่วน! มติเอกฉันท์ กนง. ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% มีผลทันที เหลือ 1.50% ต่อปี

MATICHON ONLINE

กนง. มีมติเอกฉันท์ ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 1.75% เป็น 1.50% ต่อปี

PostToday

ศุภาลัยฮอต! ปิดดีลหุ้นกู้ 4.5 พันล. ยอดจองทะลุเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นนักลงทุน

MATICHON ONLINE

กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เหลือที่ระดับ 1.50% หนุนเศรษฐกิจ เอื้อภาคธุรกิจ

TNN ช่อง16

หุ้นไทยปรับบวกสดใส ลุ้นผลประชุม กนง. บ่ายนี้ | 13 ส.ค. 68

การเงินธนาคาร

ด่วน! กนง.มีมติเอกฉันท์ ลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 1.50% ชี้ภาษีสหรัฐซ้ำเติมปัญหา

เดลินิวส์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...