“ทักษิณ”รอดคดี ม.112 “แพทองธาร”ใจชื้น ลุ้น“รอด”คดีคลิปฮุนเซน
การเมืองไทยในสัปดาห์นี้นอกจากคดี “คลิปฮุนเซน” ของ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯและรมว.วัฒนธรรม แล้ว คดี ม.112 ของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ผู้เป็นบิดา ก็อยู่ในความสนใจของประชาชน เช่นเดียวกัน
ล่าสุด วันที่ 22 ส.ค. 2568 ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้อง ทักษิณ ชินวัตร ในคดีอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากกรณีการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศเมื่อปี 2558 ที่ถูกตีความว่าเข้าข่ายดูหมิ่นสถาบันฯ
คำพิพากษาที่กินเวลาการอ่านกว่าหนึ่งชั่วโมง กลายเป็น “จุดเปลี่ยนเชิงสัญญาณ” สำคัญ ไม่เพียงต่อสถานะทางคดีของ “ทักษิณ”หากยังสะท้อน “อุณหภูมิทางการเมือง” ที่อาจส่งผลโดยตรงถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บุตรสาวคนเล็ก ที่กำลังเผชิญการวินิจฉัยชี้ชะตาในคดี “คลิปเสียงฮุนเซน” ที่อยู่ในมือศาลรัฐธรรมนูญ
เหตุผลยกฟ้องที่พลิกเกม
ศาลอาญามีคำวินิจฉัยว่า คลิปวิดีโอที่นำมาเป็นหลักฐานปรากฏว่าเป็นเพียง “บางส่วน” ของคำสัมภาษณ์ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการตัดต่อหรือไม่ อีกทั้งคำพูดของ “ทักษิณ” ไม่ได้ระบุชัดเจนถึงองค์บุคคลใด ใช้เพียงคำว่า “เขา” ซึ่งตามหลักไวยากรณ์และพจนานุกรมไม่สามารถตีความว่าหมายถึงพระมหากษัตริย์ได้
นอกจากนี้ ศาลยังตั้งข้อสังเกตถึง “ความน่าเชื่อถือของพยานโจทก์” ที่มีลักษณะอคติ และไม่เป็นกลาง จึงตัดสินใจยกผลประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย และมีคำพิพากษายกฟ้องทุกข้อหา
การรอดพ้นคดีนี้ ทำให้ “นิติทางสงคราม” ต่อ “ทักษิณ” เบาบางลง จากการถูกคดีมาตรา 112 เล่นงาน และถือเป็นชัยชนะเชิงสัญลักษณ์ที่ส่งแรงสะเทือนทั้งฝ่ายการเมืองและสังคม
ผลสะท้อนถึง “แพทองธาร”
แม้คดีดังกล่าวจะเป็นเรื่องของอดีต “ทักษิณ” โดยตรง แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาย่อมทำให้ “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายกรัฐมนตรี “ใจชื้นขึ้น” ขึ้นมา เพราะเธอกำลังเผชิญชะตากรรมจากคดี “คลิปฮุนเซน” ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ชะตา ในวันศุกร์หน้า (29 ส.ค. 68)
หากพิจารณาเชิงจิตวิทยาทางการเมือง คำตัดสินของศาลอาญาที่ออกมาในทางยกฟ้อง “ทักษิณ” อาจกลายเป็น “สัญญาณบวก” ต่อการชั่งน้ำหนักของสังคมและฝ่ายตุลาการ ว่า การพิจารณาคดีการเมืองจะต้องตั้งอยู่บนฐานของพยานหลักฐานที่ชัดเจน มิใช่เพียงการตีความโดยอนุมาน ซึ่งในกรณี “คลิปฮุนเซน” ก็มีข้อถกเถียงคล้ายกันเกี่ยวกับความครบถ้วนและเจตนาของถ้อยคำ
สถานการณ์การเมือง:ลมหายใจเพื่อไทย
ชัยชนะนิติสงครามของ “ทักษิณ” ครั้งนี้ ช่วยเพิ่ม “อ็อกซิเจนการเมือง” ให้กับรัฐบาลเพื่อไทย ที่กำลังเผชิญแรงเสียดทานจากทั้งฝ่ายค้าน ภาคประชาสังคม และ พันธมิตรการเมืองบางส่วนในสภา
ฐานมวลชนคนเสื้อแดง : กลับมามีกำลังใจมากขึ้นจากภาพที่เห็น “ทักษิณ” มาฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง และรอดพ้นคดีใหญ่
คู่แข่งทางการเมือง : ต้องปรับยุทธศาสตร์ใหม่ เนื่องจากไม่สามารถใช้คดี ม.112 เป็นแรงกดดัน “ทักษิณ” และ “ตระกูลชินวัตร” ได้เหมือนเดิม
รัฐบาลแพทองธาร : ใจชื่นขึ้น ก่อนถึงวันชี้ชะตาคดีคลิปฮุนเซน
ลุ้นชี้ชะตา“คดีคลิปฮุนเซน”
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการเมืองยังไม่จบ เพราะทุกสายตากำลังจับจ้องไปที่ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ซึ่งจะกำหนดวันวินิจฉัยคดีคลิปเสียงที่ถูกกล่าวหาว่า “แพทองธาร” สมคบกับต่างชาติ ส่อทำให้ประเทศสูญเสียดินแดน
หากศาลชี้ว่า เข้าข่ายกระทำผิดรัฐธรรมนูญ จะนำไปสู่การพ้นตำแหน่งนายกฯ ทันที แต่หากศาลเห็นว่า พยานหลักฐานไม่เพียงพอหรือตีความไม่ถึงขั้นละเมิด ก็จะกลายเป็น “ชัยชนะทางการเมือง” ครั้งสำคัญ ที่ยืนยันความชอบธรรมของ “แพทองธาร” และส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลในระยะยาว
คำพิพากษายกฟ้อง “ทักษิณ” ในคดี ม.112 ครั้งนี้ จึงไม่ได้เป็นเพียงการปลดชนักทางกฎหมายของอดีตนายกฯ หากแต่ยังกลายเป็น “แรงหนุนทางจิตวิทยา” ต่อผู้นำรัฐบาลหญิงคนที่สองของไทย จาก “ตระกูลชินวัตร” ที่กำลังยืนอยู่บนเส้นด้าย
ชะตาการเมืองไทยหลังจากนี้ จึงยังขึ้นอยู่กับผลคำวินิจฉัยคดี “คลิปฮุนเซน” ที่จะเป็นตัวชี้ขาดว่า “ตระกูลชินวัตร” จะสามารถรักษาอำนาจทางการเมืองในรัฐบาลชุดปัจจุบันต่อไปได้ หรือ จะต้องเผชิญการเปลี่ยนขั้วครั้งใหญ่…