โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

เตือน! ญี่ปุ่นเจอแล้ว 14 เคส เด็กป่วยเพราะ "กระบอกน้ำ" บางรายต้องผ่าตัดม้าม-ตับอ่อน

sanook.com

เผยแพร่ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Sanook
ร่างกายเด็กเล็กเปราะบางกว่าที่คิด! เด็กชายต้องตัดตับอ่อนและม้าม หลังสะพายกระติกน้ำขณะวิ่งเล่น หมอย้ำ พ่อแม่ควรสังเกตอาการลูกหลังจากล้ม

เด็กชายวัย 7 ต้องผ่าตัดตับอ่อน-ม้าม หลังสะพายกระติกน้ำวิ่งเล่น ญี่ปุ่นเตือนอันตรายซ่อนเร้นที่พ่อแม่มองข้าม

ญี่ปุ่นออกคำเตือนหลังพบเด็กได้รับบาดเจ็บภายในจากการสะพายกระติกน้ำขณะวิ่งเล่นอย่างน้อย 14 ราย ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา โดยหลายกรณีต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล บางรายรุนแรงถึงขั้นต้องตัดอวัยวะภายใน

กรณีตัวอย่าง เด็กชายวัย 7 ปีต้องผ่าตัดใหญ่

ตามรายงานจากหนังสือพิมพ์ Yomiuri Shimbun ของญี่ปุ่น เด็กชายวัย 7 ปีรายหนึ่งวิ่งเล่นอยู่ในสนามโรงเรียน และเกิดหกล้ม ทำให้กระติกน้ำที่สะพายขวางตัวอยู่ด้านหน้า กระแทกเข้าที่ท้องอย่างแรง หลังจากนั้นเด็กมีอาการอาเจียนอย่างต่อเนื่อง เหนื่อยล้า ใบหน้าซีดเซียว

เมื่อถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แพทย์พบว่าเขาได้รับบาดเจ็บที่ตับอ่อนอย่างรุนแรง จำเป็นต้องตัดตับอ่อนออกครึ่งหนึ่ง พร้อมกับม้ามทั้งอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต

ร่างกายเด็กเล็กเปราะบางกว่าที่คิด พ่อแม่ควรสังเกตลูกหลังล้ม

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กในญี่ปุ่นเตือนว่า เด็กมีโครงสร้างร่างกายที่ยังไม่แข็งแรง เช่น กระดูกที่ยังอ่อน และกล้ามเนื้อที่บาง ทำให้การปกป้องอวัยวะภายในยังไม่สมบูรณ์ แม้การล้มธรรมดาในขณะสะพายกระติกน้ำก็อาจนำไปสู่การบาดเจ็บร้ายแรงได้

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า หากลูกล้มแล้วบ่นว่าปวดท้อง อาการปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ร่วมกับความเหนื่อยล้า ใบหน้าซีด หรืออาเจียน ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที แม้ผู้ปกครองจะไม่ได้เห็นเหตุการณ์โดยตรง แต่หากลูกเล่าว่าท้องโดนกระติกน้ำกระแทก ก็ไม่ควรมองข้าม

ญี่ปุ่นออกคำเตือน-แนะนำเลี่ยงสะพายกระติกน้ำ

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สำนักงานครอบครัวและเด็กของญี่ปุ่นได้ออกคู่มือความปลอดภัยฉบับปรับปรุงในเดือนมีนาคม 2024 โดยแนะนำให้หลีกเลี่ยงการให้เด็กสะพายกระติกน้ำขณะวิ่งเล่น โดยควรเก็บกระติกน้ำไว้ในกระเป๋าเป้หลังแทน

นอกจากนี้ แบรนด์ผู้ผลิตชื่อดังอย่าง Tiger และ Zojirushi ได้ปรับปรุงคู่มือการใช้งาน โดยเพิ่มคำเตือนชัดเจนว่า ห้ามสะพายกระติกน้ำขณะวิ่งเล่น ควรเก็บไว้ในกระเป๋า และต้องถอดออกก่อนเล่นเครื่องเล่นอย่างสไลเดอร์หรือชิงช้า

สิ่งเล็กๆ ที่อาจกลายเป็นอันตรายใหญ่หลวง….. กระติกน้ำอาจดูเหมือนของใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน แต่กลับกลายเป็นต้นเหตุของอันตรายร้ายแรงในเด็ก หากใช้งานไม่ถูกวิธี กรณีที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นถือเป็นเครื่องเตือนใจพ่อแม่ผู้ปกครองในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ให้ใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยในชีวิตประจำวันของลูก เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก sanook.com

หนุ่มโชว์ทำชาบูในห้องพัก ชาวเน็ตดูแล้วแทบอ้วก! ไม่กล้าใช้ของในโรงแรมแล้ว (มีคลิป)

37 นาทีที่แล้ว

รู้ทันสโตรก 5 สัญญาณเตือน เส้นเลือดในสมองแตก หลอดเลือดตีบ จำกฎนี้ให้แม่น!

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

แฟนทิ้งเพราะอ้วน 100 กก.! ลด 35 กก. ใน 3 เดือน กลายเป็นหนุ่มฮอตสุดหล่อ

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ถูกแฟนบอกเลิก หนุ่มฮึดลดน้ำหนัก 35 กิโลกรัม ใน 3 เดือน กลายเป็นหนุ่มหล่อสุดปัง

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความต่างประเทศอื่น ๆ

ยลทิวทัศน์ทุ่งหญ้า ฟ้าโปร่ง ในมองโกเลียใน

Xinhua

ส่องงานหมุน ‘คานสะพานข้ามแม่น้ำ’ ทางรถไฟความเร็วสูงในซานตง

Xinhua

หนุ่มโชว์ทำชาบูในห้องพัก ชาวเน็ตดูแล้วแทบอ้วก! ไม่กล้าใช้ของในโรงแรมแล้ว (มีคลิป)

sanook.com

ปักกิ่งเปิด ‘ศูนย์สื่อ’ ประจำวันแห่งชัยชนะ หนุนการรายงานข่าว

Xinhua

จีนเตรียมออกแสตมป์ที่ระลึก 80 ปี ชัยชนะสงครามประชาชนจีนต้านการรุกรานของญี่ปุ่น-สงครามต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์โลก

Xinhua

จีนเตรียมออกเหรียญที่ระลึก 80 ปี ชัยชนะสงครามประชาชนจีนต้านการรุกรานของญี่ปุ่น-สงครามต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์โลก

Xinhua

ผู้สืบสาน ‘งานแกะสลักตะกั่ว-ดีบุก’ สุดวิจิตร 5 ชั่วอายุคนในหูเป่ย

Xinhua

แฟนทิ้งเพราะอ้วน 100 กก.! ลด 35 กก. ใน 3 เดือน กลายเป็นหนุ่มฮอตสุดหล่อ

sanook.com

ข่าวและบทความยอดนิยม

ไขความลับ! ทำไมวันเกิดต้องเป่าเค้ก–ตัดเค้ก มีที่มาแบบนี้

sanook.com

ประตูนรกเปิด! 16 ข้อห้ามที่ควรรู้ เพื่อความสงบปลอดภัยตลอดช่วง "เดือนผี"

sanook.com

5 อันดับประเทศ “ปลอดภัยที่สุดในโลก” ปี 2025 คนไทยนิยมไปเที่ยวเพียบ

sanook.com
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...