รู้ทันสโตรก 5 สัญญาณเตือน เส้นเลือดในสมองแตก หลอดเลือดตีบ จำกฎนี้ให้แม่น!
รู้ทันสโตรก 5 สัญญาณเตือน เส้นเลือดในสมองแตก หลอดเลือดตีบ จำกฎนี้ให้แม่น! ตรงแค่ 1 ข้ออย่าชะล่าใจ
โรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke คือภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยง เนื่องจากหลอดเลือดตีบ อุดตัน หรือหลอดเลือดแตก ส่งผลให้เนื้อเยื่อสมองถูกทำลาย ทำให้การทำงานของสมองบางส่วนหรือทั้งหมดผิดปกติไป อาการมักเกิดขึ้นแบบเฉียบพลันและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
หลอดเลือดสมองแตก หรือที่เรียกกันว่าเส้นเลือดในสมองแตก เป็นโรคร้ายแรงที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่ความพิการหรือเสียชีวิตได้ การป้องกันและเฝ้าระวังอาการจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ประเภทของโรคหลอดเลือดสมอง
โรคหลอดเลือดสมองแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่
- หลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (Ischemic Stroke) เป็นประเภทที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากไขมัน ลิ่มเลือด หรือสิ่งแปลกปลอมอุดตันหลอดเลือดในสมอง ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงสมองลดลง
- หลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic Stroke) เกิดจากหลอดเลือดในสมองแตก ทำให้เลือดออกในเนื้อสมอง สาเหตุส่วนใหญ่มาจากความดันโลหิตสูงหรือการบาดเจ็บ
- หลอดเลือดสมองตีบชั่วคราว (Transient Ischemic Attack – TIA) หรือที่เรียกว่า “มินิสโตรก” เป็นภาวะที่การไหลเวียนของเลือดในสมองหยุดชั่วคราว แต่สามารถกลับมาเป็นปกติได้ภายใน 24 ชั่วโมง
สาเหตุของโรคหลอดเลือดสมอง
10 ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง
เป็นโรคความดันโลหิตสูง
เป็นโรคเบาหวาน
เป็นโรคไขมันในเลือดสูง
เป็นผู้มีไขมันคอเรสเตอรอลสูง
เป็นโรคหัวใจ เช่น โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ชนิด atrial fibrillation ภาวะหัวใจล้มเหลว โรคลิ้นหัวใจติดเชื้อ
เป็นผู้ที่สูบบุหรี่ หรือได้รับควันบุหรี่ต่อเนื่อง
เป็นโรคอ้วน
เป็นผู้ที่ดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก
เป็นผู้มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
เป็นผู้ใช้สารเสพติด ยาหรือสารกระตุ้น
นอกจากนี้ ยังมีโรคบางอย่าง รวมถึงความผิดปกติของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ที่ทำให้อัตราเสี่ยงในการเกิดโรคเลือดสมองเพิ่มขึ้นได้ด้วย เช่น
โรคหลอดเลือดแดงที่คอตีบ (severe carotid or vertebral stenosis)
ภาวะเลือดแดงหรือเกล็ดเลือดผิดปกติ (Polycythemia vera or Essential thrombocytosis)
ภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ (Thrombophilia)
โรคหลอดเลือดผิดปกติแต่กำเนิด เช่น โรค Moyamoya, Cerebral autosomal dominant and subcortical leukoencephalopathy (CADASIL)
มีการเซาะตัวของผนังหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง (carotid or vertebral artery dissection)
ใครบ้างที่มีความเสี่ยง?
ผู้สูงอายุอายุ 50 ปีขึ้นไป
ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง
ผู้ที่สูบบุหรี่ หรือดูแลสุขภาพไม่สม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่อายุน้อยก็อาจเสี่ยงได้ หากมีความผิดปกติของหลอดเลือดแต่กำเนิด
สัญญาณอันตรายของหลอดเลือดสมองแตก
อาการที่เห็นได้ชัด ทั้งเส้นเลือดสมองแตกและเส้นเลือดสมองตีบ มักเกิดขึ้นแบบเฉียบพลันทันที สังเกตและจดจำกลุ่มอาการ “BE FAST” ไว้ หากพบเจอให้รีบนำส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
B – BALANCE: สูญเสียการทรงตัว
E – EYE: มองเห็นภาพซ้อน ภาพเบลอ หรือสูญเสียการมองเห็น
F – FACE: ใบหน้าอ่อนแรง มีอาการชา หรือปากเบี้ยว ยิ้มแล้วมุมปากตก
A – ARM: แขนขาอ่อนแรง หรือมีอาการชาครึ่งซีก
S – SPEECH: พูดไม่ชัด พูดลำบาก พูดไม่ได้ หรือพูดไม่เข้าใจ
T – TIME: หากมีอาการดังกล่าวข้างต้น ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ยิ่งเร็วยิ่งมีโอกาสรักษา
นอกจากสัญญาณ BE FAST ที่เป็นอาการที่กะทันหันและชัดเจนแล้ว ยังมีอาการอื่น ๆ ของโรคหลอดเลือดสมองที่เราหากเราสังเกตได้เร็ว จะช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตจากความรุนแรงของโรคได้ เช่น
- อาการชาในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองนอกจากอาการอ่อนแรงในกล้ามเนื้อต่าง ๆ และบนใบหน้าแล้ว อาจมีอาการชาในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้เหมือนกัน ซึ่งอาการชานั้นหมายถึงความรู้หน่วง ๆ รู้สึกว่าผิวหนังหนาขึ้น หรือรู้สึกซ่า ๆ คล้ายอาการคันจากเข็มทิ่ม จากไฟช็อต อาจเกิดขึ้นที่ใบหน้า มือ เท้า แขน เป็นต้น
- รู้สึกสับสน มึนงง
จากผลกระทบของเส้นเลือดในสมองแตกหรืออุดตันที่สมองบริเวณที่เกี่ยวกับความคิด การตัดสินใจ อาจส่งผลให้ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง รู้สึกสับสน มึนงง ไม่สามารถคิด หรือทำความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้ตามปกติ เช่น สับสนสถานที่ สันสนวันเวลา จำคนใกล้ตัวไม่ได้
- มีปัญหาในการเข้าใจภาษา
ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองนอกจากจะมีปัญหาในการควบคุมกล้ามเนื้อเพื่อพูดหรือออกเสียงแล้ว อาจมีอาการที่เกี่ยวกับการเรียบเรียงความคิดและความเข้าใจภาษาหรือตัวเลข เช่น อาการนึกคำพูดไม่ออก พูดวกวน เรียบเรียงคำพูดผิดธรรมชาติหรือผิดความหมาย เป็นต้น
- ปวดหัวอย่างรุนแรง
ปวดหัวเป็นอาการที่อาจมีสาเหตุได้จากหลายอย่าง สำหรับอาการปวดหัวจากโรคหลอดเลือดสมองมักเป็นการปวดหัวที่รุนแรงฉับพลัน โดยเฉพาะคนที่ปวดหัวฉับพลันโดยที่ไม่เคยมีประวัติการรักษาและหาสาเหตุไม่ได้ ควรรีบไปโรงพยาบาลเพื่อหาสาเหตุให้เร็วที่สุด
หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบโทรเรียกรถพยาบาลทันที เพราะเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
การรักษาเส้นเลือดในสมองแตก
การรักษามี 2 แนวทางหลัก
การรักษาด้วยยา – ควบคุมความดันโลหิต และประคับประคองอาการ
การผ่าตัด – ใช้ในกรณีที่จำเป็น เพื่อหยุดเลือดออกและลดความดันในสมอง
หลังจากรักษาแล้ว การฟื้นฟูสมรรถภาพ เช่น กายภาพบำบัด โภชนบำบัด และการควบคุมโรคประจำตัว มีความสำคัญอย่างมากในการฟื้นฟูคุณภาพชีวิต
วิธีป้องกันโรคหลอดเลือดสมองแตก
ควบคุมความดันโลหิต
ควบคุมคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด
เลิกสูบบุหรี่
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาที/วัน
รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ เน้นผัก ผลไม้ และโปรตีนไม่ติดมัน
จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์
จัดการความเครียด และตรวจสุขภาพประจำปี