ปปช.ชี้มูลความผิด "6 จนท.รัฐ"นำรถหลวงไปใช้ส่วนตัว ก่อนแจ้งข้อมูลเท็จ เบิกงบหลวง
วันที่ 15 ส.ค.2568 นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ รวม 6 เรื่อง ดังนี้
1.กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวน กรณีกล่าวหา นายวรพันธุ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายอำเภอวังวิเศษ จ.ตรัง นำเงินรายได้ปาล์มน้ำมันของอำเภอวังวิเศษ จ.ตรัง ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ภายหลังจาก นายวรพันธุ์ เข้าดำรงตำแหน่ง นายอำเภอวังวิเศษ จ.ตรัง เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2558 จังหวัดตรังได้มีหนังสือที่ กค 0311.15/19572 ลงวันที่ 14 ธ.ค. 2558 แจ้งให้อำเภอวังวิเศษ ตรวจสอบการนำที่ราชพัสดุ (ที่ดินและอาคาร) ที่อยู่ในความครอบครองของอำเภอวังวิเศษ ไปใช้ประโยชน์ว่าถูกต้องตามที่ได้รับอนุญาตหรือผิดวัตถุประสงค์หรือไม่
นายวรพันธุ์ นายอำเภอวังวิเศษ กลับไม่ตรวจสอบและรายงานผลให้จังหวัดตรังทราบ ทั้งที่พื้นที่ราชพัสดุ ซึ่งกรมธนารักษ์อนุญาตให้กรมการปกครองใช้ประโยชน์เป็นที่ตั้งของศูนย์ราชการอำเภอวังวิเศษ ที่ว่าการอำเภอ และบ้านพักราชการ
บริเวณด้านข้างที่ว่าการอำเภอวังวิเศษ ติดกับบ้านพักนายอำเภอวังวิเศษ ยาวตลอดไปจดถนนเทศบาลตำบลวังวิเศษ มีการปลูกเป็นสวนปาล์มน้ำมันของอำเภอวังวิเศษ เนื้อที่ 25 ไร่ 1 งาน 19 ตารางวา โดยมิได้แจ้งขอเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์
และนายวรพันธุ์ ได้เข้าบริหารจัดการสวนปาล์มน้ำมัน โดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ดูแลเก็บเกี่ยวและจำหน่ายผลผลิตปาล์มน้ำมันดังกล่าวเรื่อยมาจนถึงเดือนธ.ค.2560 รวมเวลา 2 ปี มีรายได้ที่เหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายเพื่อกิจการต่างๆ ของอำเภอวังวิเศษ ซึ่งนายวรพันธุ์ เก็บไว้เป็นประโยชน์ส่วนตนแต่เพียงผู้เดียว ประมาณ 74,500 – 174,500 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
การกระทำของนายวรพันธุ์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98
ทั้งนี้ ให้แจ้งจังหวัดตรัง ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง
2.กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวน กรณีกล่าวหา นายประทุม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จังหวัดตาก นำรถยนต์ส่วนกลางของสำนักงาน สกสค. จังหวัดตาก ไปใช้ส่วนตัว และเบิกจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษารถยนต์คันดังกล่าวโดยมิชอบ
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ขณะที่นายประทุม ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการ สกสค. จังหวัดตาก ได้ใช้รถยนต์ส่วนกลางของสำนักงาน สกสค. จังหวัดตาก หมายเลขทะเบียน กค 3915 ตาก เดินทางไป – กลับระหว่างสำนักงาน สกสค. จังหวัดตาก กับบ้านพักที่อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ในช่วงระหว่างวันที่ 20 ธ.ค.2563 ถึงวันที่ 16 ส.ค.2564 เป็นประจำทุกวัน และนำรถยนต์คันดังกล่าวไปจอดเก็บไว้ที่บ้านพักของตนเอง
ทั้งที่ สำนักงาน สกสค. จังหวัดตาก มีสถานที่เก็บรักษารถยนต์ส่วนกลางที่มีความปลอดภัยเพียงพอ และไม่ปรากฏว่า นายประทุม ได้รับอนุญาตจากเลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. ให้นำรถยนต์ส่วนกลางของสำนักงาน ไปจัดเก็บที่อื่นได้ การที่นายประทุม ใช้รถยนต์ส่วนกลางโดยมิใช่เพื่อกิจการอันเป็นส่วนรวมของสำนักงาน และอนุมัติให้เบิกจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน 21 ครั้ง และค่าซ่อมบำรุงรักษา จำนวน 3 ครั้ง ให้กับรถยนต์ ส่วนกลางคันดังกล่าว เป็นเงินรวม 34,010 บาท จึงเป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหาย
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
การกระทำของนายประทุม เกตุกิตติกุล มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98
ทั้งนี้ ให้แจ้งสำนักงาน สกสค. จังหวัดตาก ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ เพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง
3.กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวน กรณีกล่าวหา นายเชลงศักดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลหนองเบน อำเภอเมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ กับพวก นำรถตู้ซึ่งเป็นรถยนต์ส่วนกลางของเทศบาลตำบลหนองเบน ไปใช้ท่องเที่ยวส่วนตัวโดยมิชอบ
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อวันที่ 22 – 24 พ.ย. 2564 ขณะที่นายเชลงศักดิ์ ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลหนองเบน อำเภอเมืองนครสวรรค์ ได้นำรถยนต์ตู้ส่วนกลาง ของเทศบาลตำบลหนองเบน หมายเลขทะเบียน นค 4127 นครสวรรค์ ไปท่องเที่ยวส่วนตัว โดยมีนายเสน่ห์ พนักงานขับรถยนต์ เป็นผู้ขับขี่
เมื่อนำรถกลับมาถึงเทศบาลตำบลหนองเบนแล้ว ได้ตรวจสอบพบว่ามาตรวัดระยะทาง (เลขไมล์) ของรถมากกว่าเลขมาตรวัดระยะทางที่บันทึกไว้ในทะเบียนคุมการใช้รถ นายเสน่ห์ จึงให้เจ้าหน้าที่จัดทำใบขออนุญาตใช้รถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าว
โดยระบุว่านายเชลงศักดิ์ เป็นผู้ขอใช้รถไปติดต่อราชการยังสถานที่ต่างๆ อันเป็นความเท็จ จำนวน 16 ฉบับ ให้นายเชลงศักดิ์ ลงนามอนุญาตในใบขออนุญาตใช้รถรวม 16 ฉบับ เพื่อนำข้อมูลไปลงในทะเบียนการใช้รถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าว และเพื่อให้จำนวนเลขมาตรวัดระยะทาง (เลขไมล์) ในทะเบียนคุมการใช้รถตรงกับมาตรวัดระยะทาง (เลขไมล์) ที่ปรากฏที่รถโดยนายเสน่ห์ เป็นผู้ลงลายมือชื่อในทะเบียนคุมการใช้รถทั้ง 16 รายการ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
1.การกระทำของนายเชลงศักดิ์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และมีมูลความผิดตามพ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73
2.การกระทำของนายเสน่ห์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี
และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) มาตรา 98 และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแต่กรณี
ทั้งนี้ ให้แจ้งเทศบาลตำบลหนองเบน ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง
4.กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวน กรณีกล่าวหานางสาวพิมพ์พัชชา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางคูรัด อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นำรถยนต์ส่วนกลางของทางราชการไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า หลังจากที่ผู้ขายได้ส่งมอบรถยนต์ ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น FORTUNER หมายเลขทะเบียน กว 1488 นนทบุรี ให้แก่ อบต.บางคูรัด อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
ตามที่ อบต.บางคูรัดได้จัดซื้อเพื่อใช้เป็นรถยนต์ส่วนกลางเมื่อวันที่ 19 ก.พ.2559 แล้ว นางสาวพิมพ์พัชชา นายก อบต.บางคูรัด ได้ละเว้นไม่ดำเนินการให้มีการติดตราเครื่องหมายและชื่อหน่วยงานไว้ที่ด้านข้างรถยนต์คันดังกล่าว จนกระทั่งในวันที่ 18 ธ.ค.2560 ภายหลังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเข้าตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างที่อบต.บางคูรัด จึงได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบ
และตั้งแต่เดือนก.พ. 2559 ถึงเดือนธ.ค. 2561 นางสาวพิมพ์พัชชา ได้นำรถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าว ซึ่งต้องใช้เพื่อกิจการอันเป็นส่วนรวมหรือเพื่อประโยชน์ของทางราชการไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวในลักษณะเสมือนเป็นรถยนต์ประจำตำแหน่ง โดยสั่งการให้พนักงานขับรถยนต์นำรถยนต์ไปรับตนที่บ้านพัก เพื่อเดินทางไปปฏิบัติงานที่ อบต.บางคูรัด
รวมทั้งนำรถยนต์ไปจอดเก็บรักษาไว้ที่บ้านพักของตนเป็นประจำ เพื่อจะได้นำรถยนต์ไปใช้ทำธุระส่วนตัวในช่วงเวลาหลังเลิกงานและวันหยุดราชการ และยังมีการอนุมัติให้เบิกจ่ายเงินค่าน้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์คันดังกล่าวจากเงินงบประมาณของทางราชการ ตั้งแต่เดือนก.พ.2559 ถึงเดือนธ.ค. 2561 โดยมิชอบ เป็นเหตุให้ อบต.บางคูรัดได้รับความเสียหาย
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
การกระทำของนางสาวพิมพ์พัชชา มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 และตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดตาม พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่
ทั้งนี้ ให้แจ้งเทศบาลเมืองบางคูรัด ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง
5.กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวน กรณีกล่าวหา นายสิทธิรักษ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลขุนหาญ อำเภอขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ นำรถยนต์ส่วนกลางของ อบต.ขุนหาญ ไปใช้ส่วนตัวจนเกิดอุบัติเหตุเสียหาย และจัดทำเอกสารอันเป็นเท็จเพื่อเบิกค่าซ่อมแซมรถยนต์คันดังกล่าวจากทางราชการ
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า นายสิทธิรักษ์ ขณะดำรงตำแหน่งนายก อบต.ขุนหาญ อำเภอขุนหาญ ได้ใช้รถยนต์ส่วนกลางของ อบต.ขุนหาญ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ หมายเลขทะเบียน กค 8419 ศรีสะเกษ เป็นพาหนะเดินทางไปกลับระหว่างบ้านพักและสำนักงานในช่วงระหว่างวันที่ 1 ต.ค.2562 ถึงวันที่ 24 พ.ค.2564 เป็นประจำทุกวัน
และนำรถไปจอดเก็บไว้บริเวณริมถนนหน้าบ้านพักในเวลากลางคืน รวมทั้งยังได้นำรถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวในการเดินทางไปร่วมงานสังคมต่าง ๆ โดยมีการเบิกจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิงจากทางราชการเป็นเงิน เดือนละ 4,000 – 5,000 บาท
ในวันที่ 24 พ.ค.2564 เวลาประมาณ 23.00 น. นายสิทธิรักษ์ ยังขับรถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าวไปชนเสาไฟฟ้าส่องสว่าง บริเวณหมู่ที่ 9 ตำบลขุนหาญ และได้จัดทำเอกสารอันเป็นเท็จเพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการขับรถยนต์ส่วนกลางไปประสบอุบัติเหตุในขณะปฏิบัติหน้าที่ โดยมีเจตนาเพื่อเบิกจ่ายเงินค่าซ่อมแซมรถยนต์คันดังกล่าวจากงบประมาณของ อบต.ขุนหาญ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
การกระทำของนายสิทธิรักษ์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และมาตรา 91 และ มีมูลความผิดตามพ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1)และ (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแต่กรณี
ทั้งนี้ ให้แจ้ง อบต.ขุนหาญดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง
6.กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวน กรณีกล่าวหานายสาธิต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังประจบ อำเภอเมืองตาก จ.ตาก นำรถยนต์ส่วนกลางของทางราชการไปใช้เพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2555 – 2559 ขณะที่นายสาธิต ดำรงตำแหน่งนายก อบต.วังประจบ อำเภอเมืองตาก ได้นำรถยนต์ส่วนกลางของ อบต.วังประจบ หมายเลขทะเบียน กค 3476 ตาก ไปใช้งาน
โดยเป็นผู้ขับรถยนต์ด้วยตนเองหรือให้พนักงานจ้างทำหน้าที่ขับรถยนต์ให้ และได้ลงนามในใบสั่งซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้กับรถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าว จำนวน 19 ครั้ง รวมเป็นเงิน 37,522.25 บาท โดยไม่ปรากฏหลักฐานการขออนุญาตใช้รถและลงบันทึกข้อมูลการใช้งาน รถยนต์ส่วนกลาง รวมทั้งไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าได้นำรถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าวไปใช้เพื่อปฏิบัติราชการในภารกิจใด
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
การกระทำของนายสาธิต มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดตามพ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 90/1
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัย ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่
ทั้งนี้ ให้แจ้ง อบต.วังประจบ ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง