พริษฐ์ ชงหั่นงบหลักสูตร บยส. ศาลยุติธรรม 16 ล้าน ชี้ เสี่ยงสร้างระบบอุปถัมภ์
พริษฐ์ ชงหั่นงบหลักสูตร บยส. ของศาลยุติธรรม 16 ล้าน เหตุ สุ่มเสี่ยงสร้างระบบอุปถัมภ์-กระทบความเป็นอิสระศาล
เมื่อเวลา 18.10 น. วันที่ 15 สิงหาคม สภาฯ เข้าสู่การพิจารณามาตรา 31 หน่วยงานของศาล โดย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายขอปรับลดในส่วนของโครงการหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บยส.) ว่า ที่ผ่านมาหลักสูตรการฝึกอบรมของหน่วยงานรัฐมักถูกวิจารณ์ว่าสุ่มเสี่ยงก่อให้เกิดระบบอุปถัมภ์มากกว่าเดิม เนื่องจากหลักสูตรส่วนใหญ่มักมีผู้เข้าร่วมเรียนที่มาจากองค์กรที่ควรทำหน้าที่ตรวจสอบกันและกัน เช่น การมีทั้งนักการเมืองและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมาเรียนร่วมกัน หรือมีผู้เข้าเรียนจากองค์กรที่เสี่ยงเอื้อประโยชน์ให้แก่กันและกัน เช่น บริษัทผู้รับเหมากับหน่วยงานรัฐที่เป็นเจ้าของโครงการ เป็นต้น
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า หนึ่งในหลักสูตรที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากคือหลักสูตร บยส. ของศาลยุติธรรม ที่ปีนี้มีการขอรับงบประมาณมาอยู่ที่ 16 ล้านบาท ซึ่งตนจำเป็นต้องทักท้วงการจัดสรรงบประมาณและตัวหลักสูตรดังกล่าว เนื่องจากสถาบันตุลาการเป็นองค์กรที่ประชาชนคาดหวังให้ทำหน้าที่อย่างเที่ยงตรง เป็นอิสระ และปราศจากอคติ การที่ผู้เรียนซึ่งเป็นผู้พิพากษาจะพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้เรียนที่เป็นบุคคลภายนอก แม้จะไม่ได้เป็นความผิดในตัวเอง แต่ความเสี่ยงจะเกิดขึ้นทันที หากผู้เรียนที่เป็นบุคคลภายนอกในอนาคตกลายเป็นคู่ความในคดีที่ผู้พิพากษา ที่เรียนร่วมกันเป็นผู้พิพากษาในคดีดังกล่าว
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ สถาบันตุลาการเป็นองค์กรที่จำเป็นต้องคำนึงถึงภาพลักษณ์ของตนในสายตาสังคม ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงแค่ว่าผู้พิพากษาปฏิบัติหน้าที่อย่างเที่ยงตรงและเที่ยงธรรมหรือไม่ แต่ยังขึ้นกับว่าประชาชนมีความเชื่อมั่นหรือไม่ หรือขึ้นกับว่าผู้พิพากษาถูกมองว่าปฏิบัติหน้าที่อย่างเที่ยงตรงและเที่ยงธรรมด้วยหรือไม่ หากภาพลักษณ์ดังกล่าวจะถูกกระทบจากหลักสูตรเหล่านี้ ก็ย่อมทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมถูกกระทบตามไปด้วย
นายพริษฐ์ กล่าวด้วยว่า หากประโยชน์ที่ผู้ร่วมเรียนและสังคมจะได้รับจากหลักสูตรเหล่านี้ เป็นที่วัดผลได้ยาก หรือไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับความเสี่ยงต่อความเป็นอิสระและภาพลักษณ์ความเป็นอิสระของผู้พิพากษา การเดินหน้าหลักสูตรเช่นนี้อาจจะเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย
นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า ปัญหานี้ไม่ได้เป็นปัญหาที่ถูกตั้งคำถามจากคนนอกสถาบันตุลาการเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาที่ผู้พิพากษาบางส่วนเองก็มีความกังวลเช่นกัน เมื่อเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมามีผู้พิพากษาศาลฎีกา 2 ท่านได้ทำหนังสือถึงประธานศาลฎีกา เรียกร้องให้มีการยกเลิกหลักสูตร บยส. รวมถึงเรียกร้องให้มีการกำหนดไม่ให้ผู้พิพากษาเข้าร่วมอบรมหลักสูตรของหน่วยงานอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน ต่อมาเมื่อเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2568 มีการทำแบบสำรวจผู้พิพากษา มีผู้มาตอบแบบสอบถาม 1,455 คน ซึ่ง 87 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ตอบเห็นว่าหลักสูตร บยส. นั้นกระทบต่อความน่าเชื่อถือของผู้พิพากษา และ 82 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าสมควรที่จะยกเลิกหลักสูตร บยส.
นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า ดังนั้น ตนจึงเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรปรับลดงบประมาณในส่วนของหลักสูตร บยส. โดยอาจพิจารณาได้สองแนวทางคือ การตัดลดงบประมาณออกทั้งหมด 16 ล้านบาท เพื่อนำไปสู่การยกเลิกหลักสูตร บยส.ในปีนี้ หรือหากยังเห็นความจำเป็นในการมีอยู่ของหลักสูตร บยส. ตนก็เสนอให้พิจารณาปรับลดงบประมาณของหลักสูตรออกบางส่วน เพื่อปรับรูปแบบของหลักสูตรให้ใช้งบประมาณน้อยลง และลดความเสี่ยงต่อความเป็นอิสระของผู้พิพากษาให้เหลือน้อยที่สุด เช่น อาจปรับรูปแบบการจัดการเรียนการสอนให้เป็นออนไลน์มากขึ้น เพื่อลดกิจกรรมสันทนาการระหว่างผู้ร่วมเรียน หรือเปลี่ยนจากหลักสูตรที่รับผู้เข้าเรียนเป็นรุ่นมาเป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามหัวข้อและผู้เข้าร่วมเป็นครั้งตามความเหมาะสม
นายพริษฐ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนั้น ยังอาจพิจารณาปรับเรื่ององค์ประกอบของผู้เรียน โดยแยกชัดเจนระหว่างกิจกรรมที่ผู้เรียนเป็นผู้พิพากษาจากภายในองค์กรกับกิจกรรมที่ผู้เรียนเป็นบุคคลภายนอก หรือการเพิ่มความโปร่งใสเกี่ยวกับประโยชน์ที่สังคมจะได้รับจากหลักสูตรนี้ เช่น การเผยแพร่คลิปการสอนจากหลักสูตร บยส. หรือการลดความเสี่ยงต่อความเป็นอิสระของผู้พิพากษาหลังจากเรียนหลักสูตรนี้จบไป เช่น การจัดเก็บฐานข้อมูลผู้เรียนเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้พิพากษาคนใดได้ปฏิบัติหน้าที่ในคดีความที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่เคยเรียนร่วมกัน
นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า ตนเข้าใจดีว่า นอกเหนือจากหลักสูตร บยส. ประเทศไทยยังมีอีกหลายหลักสูตรของหน่วยงานอื่นที่มีปัญหาในลักษณะเดียวกัน ซึ่งตนก็มีจุดยืนเดียว แต่เมื่อหลักสูตร บยส. เป็นหลักสูตรที่ตนเคยได้มีโอกาสหารือกับผู้บริหารหลักสูตรโดยตรง ไม่ว่าจะในคณะกรรมาธิการงบประมาณ หรือกมธ.พัฒนาการเมือง และในเมื่อหลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรที่มีการเรียกร้องจากภายในองค์กรให้มีการยกเลิกหรือทบทวนหลักสูตรอย่างชัดเจน
“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หากศาลยุติธรรมจะลุกขึ้นมาเป็นผู้นำในการแก้ไข ปัญหาเรื่องของระบบอุปถัมภ์ในประเทศไทย โดยการยกเลิกหรือทบทวนหลักสูตรดังกล่าว ผมเชื่อว่าความกล้าหาญของผู้บริหารศาลยุติธรรมนั้นจะได้รับความชื่นชมจากหลายภาคส่วนในสังคม และจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้บริหารของหน่วยงานอื่นที่มีการจัดหลักสูตรในลักษณะคล้ายๆ กัน เดินตามความกล้าหาญของศาลยุติธรรมเช่นกัน” นายพริษฐ์ กล่าว
จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นด้วยกับ กมธ.เสียงข้างมาก
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : พริษฐ์ ชงหั่นงบหลักสูตร บยส. ศาลยุติธรรม 16 ล้าน ชี้ เสี่ยงสร้างระบบอุปถัมภ์
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th