สส.พรรคประชาชน เสนอตัดงบเคหะ 300 ล้าน! ชี้ประเคนให้เอกชนฟันกำไร
ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2569 วาระที่ 2 มาตราที่ 29 นางสาวรัชนก สุขประเสริฐ สส.สมุทรปราการ เขต 2 พรรคประชาชน ได้มีการอภิปรายถึงกรณีการบริหารโครงการอาคารเช่าของการเคหะแห่งชาติ ทั้ง 52 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งอาคารเช่าเหล่านี้ เดิมมีวัตถุประสงค์สร้างเพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้เช่าอยู่อาศัยในราคายุติธรรม
น.ส.รัชนก ได้เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวแทนที่จะถูกบริหารโดยรัฐเพื่อดูแลประชาชน กลับมีการทำ TOR เปิดให้เอกชนเช่าเหมาบริหารทั้งหมด ซึ่งใน 52 โครงการนี้ มีบริษัทเอกชนเพียง 11 ราย ที่คว้างานไปได้ โดย แต่ละโครงการชนะการประมูลกันในราคาเพียง 5 บาท 10 บาทเท่านั้น พร้อมเปิดเอกสารประกอบระหว่างการอภิปราย
เอกชนที่ได้สิทธิ ไม่ต้องลงทุนก่อสร้างหรือซ่อมแซมอาคาร แต่เก็บค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าส่วนกลาง จากประชาชนเต็มเม็ดเต็มหน่วย “เรียกได้ว่า รับไปเก็บตังค์อย่างเดียว สบ๊าย สบาย” โดยหนึ่งในบริษัทที่ได้สิทธิ คือ “บริษัท เอ็ม แอสเสท จำกัด” ซึ่งชาวบ้านร้องเรียนว่าค่าบริการต่าง ๆ แพงเกินควร และยังพบว่าบริษัทดังกล่าวกลับเป็นครอบครัวอดีตนักการเมืองชื่อดัง นามสกุล “สุวรรณบุตร”
“ถึงเวลาจัดงานในพื้นที่ ทั้งรองผู้ว่า ผู้ช่วยผู้ว่า เดินตามกันจนงงว่า ยังกินเงินเดือนจากภาษีพี่น้องประชาชนรึป่าว ซึ่งก็ได้ถ่ายคลิป อัดเสียงไว้หมดแล้ว เดี๋ยวจะส่งให้ผู้ว่าการเคหะแห่งชาติและรัฐมนตรี พม. พิจารณาแล้วกัน ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ไม่อยากเอามาเปิดให้เสียเวลาพิจารณางบประมาณ แต่เรื่องนี้การเคหะแห่งชาติเสียหาย รัฐเสียหาย พี่น้องประชาชนเสียผลประโยชน์”
น.ส.รัชนก กล่าวในที่ประชุมต่อว่า สิ่งที่รับไม่ได้มากที่สุด คือ เมื่ออาคารเช่าเสื่อมสภาพ การเคหะแห่งชาติก็ใช้งบประมาณแผ่นดินไปซ่อมแทนเอกชนทุกปี เช่น ปี 67 ของบไปซ่อม 76 ล้าน ปี 68 ของบไปซ่อม 153 ล้าน และในปีนี้ของบไปซ่อมอีก 303 ล้าน เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว
“นี่คืองบอุ้มเอกชนเต็ม ๆ รับงานไปขูดรีดประชาชน แถมให้รัฐซ่อมให้แบบพร้อมเสิร์ฟ เพื่อนสมาชิกในสภาแห่งนี้จะยอมให้ผ่านงบประมาณแบบนี้ไปจริง ๆ หรือ” น.ส.รัชนก กล่าว
พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบซ่อมแซมอาคารเช่าในส่วนนี้ทั้งหมดออก เนื่องจากเป็นการใช้ทรัพยากรของรัฐอย่างบิดเบือนและซ้ำเติมภาษีของประชาชน
โดยหลังจากนี้จะรวบรวมข้อมูล เอกสาร และหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำ TOR และการให้สิทธิบริหารโครงการอาคารเช่าของการเคหะแห่งชาติแก่เอกชน เพื่อนำไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบในประเด็น “ทุจริตเชิงนโยบาย”
เนื่องจากเห็นว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนักการเมืองและเครือข่ายธุรกิจครอบครัวอย่างชัดเจน อันเป็นการนำทรัพย์สินและงบประมาณของรัฐ ซึ่งควรเป็นสมบัติของประชาชน ไปใช้สร้างกำไรแก่กลุ่มบุคคลบางกลุ่ม
"เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงการบริหารงานผิดพลาด แต่เป็นโครงสร้างการจัดการที่บิดเบือนเจตนารมณ์ของโครงการและบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อภาครัฐ พร้อมยืนยันว่าจะติดตามผลการตรวจสอบอย่างใกล้ชิด และหากพบความผิดพลาดหรือพิรุธเพิ่มเติม จะดำเนินการทางกฎหมายและใช้เวทีสภาเพื่อตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะได้คำตอบที่ชัดเจนเพื่อคืนความเป็นธรรมให้ประชาชน" น.ส.รัชนก กล่าวทิ้งท้าย