“ยูซีแอลเอ” เผยถูกรัฐบาลทรัมป์ระงับเงินอุดหนุนกว่า 18,000 ล้านบาท
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ว่า นายฮูลิโอ เฟรงก์ อธิการบดีของยูซีแอลเอ ระบุในชุมชนของมหาวิทยาลัยว่า เงินทุนสนับสนุนจากหน่วยงานภายนอกมูลค่ารวมประมาณ 584 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 18,858 ล้านบาท) ได้ถูกระงับและตกอยู่ในความเสี่ยง พร้อมเตือนว่า หากเงินทุนเหล่านี้ยังคงถูกระงับต่อไป อาจถือเป็นหายนะต่อยูซีแอลเอและชาวอเมริกันทั่วประเทศ
แม้ว่าก่อนหน้านี้ ยูซีแอลเอและรัฐบาลสหรัฐได้ปฏิเสธที่จะเปิดเผยตัวเลขที่ชัดเจนของจำนวนเงินวิจัยต่อสาธารณะ แต่เอกสารที่ส่งถึงลอสแอนเจลิส ไทม์ส เมื่อวันศุกร์ (1 ส.ค.) ระบุว่า “มากกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ” (ราว 9,694 ล้านบาท)
การยอมรับถึงตัวเลขเงินอุดหนุนที่ถูกระงับของอธิการบดียูซีแอลเอ เกิดขึ้นเพียง 2 วัน หลังการประชุมใหญ่กับคณาจารย์และเจ้าหน้าที่ เพื่อหารือเกี่ยวกับภัยคุกคามทางการเงิน ซึ่งมหาวิทยาลัยระบุว่า มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 3,000 คน
เงินช่วยเหลือของยูซีแอลเอ ถูกระงับโดยหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงมูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ กระทรวงพลังงาน และสถาบันสุขภาพแห่งชาติ โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โฆษกกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐระบุว่า พวกเขาจะไม่ให้ทุนสนับสนุนแก่สถาบัน ที่ส่งเสริมการต่อต้านชาวยิว และจะใช้ทุกวิถีทางที่มี เพื่อให้แน่ใจว่าสถาบันต่าง ๆ ปฏิบัติตามกฎหมาย
อนึ่ง นับตั้งแต่เมื่อเดือน มี.ค. ปีนี้ ยูซีแอลเอริเริ่มโครงการปราบปรามกระแสต่อต้านชาวยิว และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มหาวิทยาลัยประนีประนอมยอมความนอกศาล เพื่อยุติคดีความที่กล่าวหาว่า ยูซีแอลเอปล่อยให้นักศึกษาชาวยิวตกเป็นเป้า และถูกคุกคามระหว่างการประท้วงสนับสนุนปาเลสไตน์ เมื่อปี 2567.
เครดิตภาพ : AFP