สิบสองปีแห่งความพอเพียง เส้นทางสร้างครอบครัวของ ‘บุญชัย-บงกช เบญจรงคกุล’
Hello Magazine Thailand
อัพเดต 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 21 ชั่วโมงที่ผ่านมา • HELLO! Magazine ThailandHELLO! มาพบกับคุณบุญชัย และคุณตั๊ก-บงกช รวมทั้งน้องข้าวหอม-ชีวกิตติ์ เบญจรงคกุล ที่ห้องนิทรรศการถาวร Richard Green ของ MOCA พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย ซึ่งคุณบุญชัยสะสมภาพวาดพอร์เทรตในอิริยาบถต่างๆ ที่ยังดูใหม่มาก แม้ว่าบางชิ้นจะมีอายุอานาม 300 ปีแล้วก็ตาม คอลเลกชั่นนี้เป็นคอลเลกชั่นภาพยุคควีนวิกตอเรียซึ่งอยู่ในยุคเดียวกับรัชกาลที่ 5 ซึ่งคุณบุญชัยซื้อจากแกลเลอรี่ของมิสเตอร์ริชาร์ด กรีน ประกอบด้วยผลงานภาพวาดของ Sir Lawrence Alma Tadema และ John William Godward มาเป็นเวลานานแล้ว และยังคงสะสมงานอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีก
ปีนี้คุณบุญชัยตั้งใจแจก e-book‘พ่อพารวย’ โดยน้อมนำแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงของรัชกาลที่ 9 มาไว้ในเล่มด้วย “เป็นคู่มือสำหรับทุกคนที่อยากกลับบ้านเกิดไปมีชีวิตที่ดี แล้วเรามีตัวอย่างจาก 16 ปีที่เราจัดประกวดเกษตรกรในโครงการ ‘สำนึกรักบ้านเกิด’ เพื่อให้เห็นว่าคนหนุ่มคนสาวที่มีความรู้สูงกลับบ้านไปช่วยพ่อแม่ โดยเอาความรู้ไปประยุกต์ใช้ ดูได้จาก 6-7 ปีหลังมานี้ คนที่ชนะการประกวดมีแต่คนเหล่านี้ทั้งนั้นเลย
“ตอนนี้เรามุ่งเผยแพร่แนวคิดนี้ไปยังจังหวัดที่แข็งแรงก่อนนะครับ เพราะว่าต้องอาศัยเครือข่าย ไม่ใช่ว่าได้ e-book ไปแล้วคิดและทำอยู่คนเดียว ไม่รู้จะขอคำแนะนำจากใคร เขาควรหาเน็ตเวิร์กก่อนที่ไม่ไกลจากบ้าน ตัวช่วยก็คือเกษตรกรในโครงการสำนึกรักบ้านเกิด ซึ่งโครงการนี้ทำมา 26 ปีแล้ว โดยมาจากแนวทางพระราชดำริว่าจะนำเทคโนโลยีมาช่วยเกษตรกรได้อย่างไร แล้วเราจะสร้างคนรุ่นใหม่มาเป็นตัวเชื่อม
“คนที่จะเป็นผู้นำชุมชนรุ่นใหม่ในอนาคต เราดูที่ 1,000 คน เพราะคิดว่าสถิติ 100% จะสำเร็จสัก 20% มันเป็นธรรมชาติของโลก แล้ว 20% นี้จะทำได้ 80% ของ productivity ของโลก ตอนนี้เรามีเกษตรกรในโครงการที่เรียกตัวเองว่าพี่ใหญ่อยู่ราว 200 กว่าคน ซึ่งเราคิดว่าครอบคลุมทุกจังหวัด จังหวัดละ 2 คน
“ปีแรกเราประกวดปราชญ์เกษตร เพื่อให้ทุกท่านเปิดโรงเรียนสอน แล้วแต่ละท่านก็รวยจริงๆ อย่างคุณลุงท่านหนึ่งที่นครนายก ก่อนที่ท่านจะจากไป ท่านสามารถทำรายได้จนซื้อเบนซ์สปอร์ตให้ลูกสาวที่เป็นพยาบาลขับได้ นี่คือผู้ที่ทำสำเร็จ แต่ละปีเราจะเปลี่ยนโจทย์โดยเลือกหัวข้อที่ยังไม่เคยทำ เช่น จะส่งออกผลผลิตไปต่างประเทศยังไง เกษตรกรส่วนใหญ่ส่งออกไม่เป็น เราก็เลยนำเขาไปรู้จัก Exim Bank กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ที่เกษตรกรรู้จักอยู่แล้วมารวมกัน ช่วยให้เขาสามารถส่งออกและมีเงินไปชำระหนี้ได้
“โปรเจกต์ล่าสุดของเราคือบิ๊กฟาร์ม เพื่อให้คนที่ทำสำเร็จสามารถรวมพื้นที่เกษตรกับเพื่อนบ้าน แต่ก่อนจะขยายได้เขาก็ต้องประสบความสำเร็จเสียก่อน ไม่อย่างนั้นเพื่อนบ้านคงไม่มาร่วมด้วย บางคนก็สามารถชักชวนคนเข้าร่วมได้ถึง 200 ครอบครัว จำนวนพื้นที่ที่ใช้สารเคมีจะได้ลดน้อยลง เรามีตัวอย่าง 200 คนจาก 40-50 จังหวัด ซึ่งก็ครึ่งประเทศแล้วนะครับ ยกเว้นจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต”
คุณบุญชัยยังกล่าวอีกว่า มีการใส่ QR code ในหนังสือทุกหน้า เพื่อให้ผู้อ่านสามารถสแกนด้วยมือถือเพื่อดูวิดีโอได้ ผลพวงที่ได้ก็คือ e-book ไม่จำกัดจำนวน และจะนำไปวางไว้ที่สำนักงานเกษตรจังหวัดทุกจังหวัด โดยเปิดกว้างให้เพื่อนร่วมชาติทุกคนสามารถอ่านได้
“เราจะพาทุกคนรอดได้ยังไง ก็ได้พ่อพารวยนี่แหละ พ่อในที่นี้คือพ่อหลวง เราจะแทรกพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระองค์ท่านไว้ในเล่มด้วย เพื่อให้ผู้อ่านเห็นว่าถึงแม้รัชกาลที่ 9 จะเสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว ก็ยังทรงทิ้งสมบัติที่มีคุณค่ามากให้แก่พสกนิกร แล้วถ้าคุณศึกษาทฤษฎีนี้อย่างจริงจังต่อไปคุณจะรวย สิ้นปีนี้ก็จะมีการประกาศผลการประกวด ‘สำนึกรักบ้านเกิด’ อีก และปีหน้าเราอาจจะปรับแปลง e-book เล่มนี้เป็นพ่อพารวยเวอร์ชั่น 2 อีกครับ”
ทฤษฎี ‘เศรษฐกิจพอเพียง’ แนวคิดที่ไม่มีวันล้าสมัย
คุณบุญชัยเล่าว่าความรักและศรัทธาที่เขามีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็มาจากการที่พระองค์ท่านพระราชทานทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงแก่คนไทยทั้งประเทศ ขณะที่แนวคิดเรื่อง sustainability ยังไม่เป็นที่แพร่หลายอย่างทุกวันนี้ และพระราชทานที่ปรึกษา 3 ท่าน คือ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา และอดีตองคมนตรี เชาวน์ ณ ศีลวันต์ มาคอยให้คำแนะนำแก่คุณบุญชัย
“เวลามีคำถามอะไรเราก็จะถามผู้ใหญ่เหล่านี้ ถ้าท่านทราบท่านก็จะตอบ แต่ถ้าท่านไม่ทราบ ท่านก็จะทูลถามในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้เรา เมื่อก่อนเราเข้าเฝ้าฯ พระองค์ท่านแค่ปีละครั้ง แต่สามารถกราบทูลถามทุกอย่างได้ พระองค์จะพระราชทานคำแนะนำที่ลึกซึ้งและเฉียบคมมาก ก็ต้องนำมาคิดให้ดีว่าจะนำแนวคิดของพระองค์ท่านมาประยุกต์ใช้ยังไง บางอย่างก็ต้องรอเทคโนโลยี”
และคุณตั๊กเองก็เช่นกัน เธอรักและเทิดทูนรัชกาลที่ 9 มากเหมือนกับสามี “ชีวิตนี้ตั๊กรักและเคารพในหลวงรัชกาลที่ 9 มาก แล้วคุณบุญชัยก็รักและเคารพในหลวงรัชกาลที่ 9 มากเหมือนตั๊ก นี่คือสิ่งที่เราสองคนคิดเหมือนกันค่ะ นอกจากนี้ ตั๊กกับคุณบุญชัยยังศรัทธาในหลวงพ่อสดเหมือนกันโดยบังเอิญด้วยค่ะ เพราะแม่พาตั๊กเข้าวัดปากน้ำภาษีเจริญตั้งแต่เด็กๆ คุณบุญชัยเองก็นับถือหลวงปู่สดมากค่ะ”
ทั้งนี้วิกฤติโควิดที่ผ่านมา ทำให้คุณตั๊กอยากเรียนออนไลน์ เพื่อให้จบปริญญาตรีอย่างที่ใฝ่ฝันมาตลอด แต่คุณบุญชัยแนะนำให้เรียนวิชาชีพจะดีกว่า และวิชาเกษตรนั่นเองที่จะตอบโจทย์นี้
“อาจารย์บอกว่านักเรียนที่นี่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาดูแมลงนะ และต้องหัดซุยดิน ต้องลงพื้นที่จริง เพื่อจะได้รู้ปัญหาของดินของแมลงของผัก จะได้เข้าใจโดยไม่ต้องจดจำ และได้เรียนรู้ภาพรวมว่าร.9 ทรงสอนอะไรบ้าง ตั๊กบอกเลยว่าพระองค์ท่านทรงมีอัจฉริยภาพมาก ทรงจำแนกว่าการปลูกพืชมี 9 ระดับ ตั้งแต่ใต้น้ำจนถึงบนดิน ทำให้ตั๊กเห็นว่าเรียนแล้วได้อาชีพจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นคนมีเงินหรือไม่มีต้นทุนเลยก็ตาม
“เรียนอาทิตย์ละ 2 วันอยู่นานเป็นเดือนค่ะ ตั๊กปลูกผักกวางตุ้งเอง ผ่านไป 15 วันสามารถเก็บได้เป็นตะกร้าเลย (ยิ้ม) นอกจากนี้ยังมีฟักทอง กระเจี๊ยบ ฟัก มะเขือ ตั๊กแฮปปี้มาก เก็บกลับไปบ้านให้คุณบุญชัยกินทุกวัน นอกจากนี้ยังได้เรียนปลูกข้าว ตั๊กเพาะต้นกล้าเอง โดยได้เมล็ดพันธุ์จากจันกะผัก แล้วพอโควิดซา ตั๊กก็ไปเรียนเรื่องโกโก้ต่อที่ระยองด้วย ตั๊กเพาะต้นโกโก้เองและเลี้ยงในมุ้ง ก็เติบโตดีเพราะแมลงไม่กวนเลย
“แล้วก็เรียนเรื่องการแปรรูปโกโก้ เรียนการทำปุ๋ยหมักธรรมชาติจากเศษอาหารต่างๆ และหัดเลี้ยงแพะเพราะว่ามูลแพะมีประโยชน์ ตั๊กเรียนจนได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากรัชกาลที่ 10 และได้นำความรู้มาพัฒนาพื้นที่ไร่เบญจรงคกุลที่สระบุรี ซึ่งเราจะไปทำ MOCA 2 ที่นั่น ถ้าย้ายไปบ้านใหม่เมื่อไรตั๊กก็คิดว่าจะทำสวนครัวด้วยค่ะ”
MOCA 2พิพิธภัณฑ์ศิลปะและพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ
สำหรับ MOCA 2 ที่จะเกิดขึ้นบนเนื้อที่ 800 ไร่ของไร่เบญจรงคกุลที่จังหวัดสระบุรี ซึ่งคุณบุญชัยตั้งใจทำเพื่อมอบให้แก่น้องข้าวหอม-ชีวกิตติ์ เบญจรงคกุล ลูกชายคนเล็กซึ่งขณะนี้เรียนอยู่ชั้น Year 6 ของ Bromsgrove International School Thailand
“MOCA 2 ของข้าวหอมจะเป็นกึ่งๆ MOCA กับพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ เหมือน Louvre Museum ที่จะมีฝั่งงานศิลปะกับฝั่งพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ ซึ่งมีทั้งสัตว์สตัฟฟ์เรื่อยไปจนถึงโครงกระดูกไดโนเสาร์ ลองนึกถึงเรือโนอาห์จะมีสัตว์ตัวผู้กับตัวเมียเดินเรียงแถวขึ้นเรือยาวเหยียดเลย แต่ว่าสัตว์พื้นเมืองของไทยเราจะไม่มีโครงกระดูกหรือสัตว์สตัฟฟ์เพราะเป็นสัตว์อนุรักษ์ ก็จะใช้ภาพถ่ายแทน เราจะแสดงสิ่งเหล่านี้ก่อน แล้วจะเห็นสัตว์สตัฟฟ์ของยุโรป อเมริกา และแอฟริกา กับโครงกระดูกของสัตว์ต่างๆ
“แล้วก็มีภาพเขียนบางส่วน และจะมีร้านโกโก้ของคุณตั๊ก ผมเตรียมพื้นที่ในไร่ไว้แล้ว จะลงมือทำทันทีที่มีเงิน เพราะต้องใช้เงิน 50 ล้านบาทขึ้นไป เพราะเราต้องติดโซลาร์เซลล์ และอยากให้สามารถเลี้ยงตัวเองได้ ผมไม่อยากคิดค่าเข้าเด็ก ผมว่าเด็กต่างจังหวัดเขาด้อยโอกาส เขาควรได้ดูฟรี ยิ่งเป็นเด็กที่อยู่ใกล้เคียงอุทยานแห่งชาติอยู่แล้ว เขาก็ยิ่งสมควรได้รับความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ให้มากๆ จะได้รู้ว่าไม่ควรยิงเลียงผามาต้มเอาน้ำมัน
“ในพื้นที่เดียวกันนี้ผมยังปลูกป่าโบราณมาเป็นเวลา 25 ปีแล้ว มีทั้งไม้สักพะยูงยางตะเคียนประดู่ ไม้บางชนิดโตช้าบางชนิดโตเร็ว มีมะฮอกกานี แล้วก็เบาบับเพราะดูรูปทรงพิลึกดี แล้วผมก็ซื้อที่ดินติดบ่อน้ำลึก 40 เมตรจากเพื่อนบ้าน คิดว่าเราคงใช้ไม่ถึง 10 เมตร ยังมีน้ำอีก 30 เมตรให้รดแปลงโกโก้ของเราได้ ผมกะว่า 30 ปีจากนี้ลูกหลานสามารถขายต้นไม้เป็นค่าข้าวได้นานเป็นเดือน แล้วก็ขายคาร์บอนเครดิตได้
“แล้วผมมีควายที่ไถ่ชีวิตมาจากเดิม 15 ตัว ตอนนี้กลายเป็น 120 กว่าตัว มีอีกาฝูงหนึ่ง 200 กว่าตัว มีนกเป็ดน้ำที่หนีหนาวมาทุกปีอีกหลายร้อยตัว ยังไม่รวมกระต่ายกับกระรอก แค่รอให้รถไฟความเร็วสูงเสร็จ ซึ่งจะผ่านหน้าไร่เลย ใช้เวลาเดินทางชั่วโมงเดียวถึง สามารถไปเช้าเย็นกลับได้”
ศูนย์รวมจิตใจของครอบครัว
จะบอกว่าน้องข้าวหอมเป็นศูนย์รวมจิตใจของพ่อแม่อย่างคุณบุญชัยและคุณตั๊กก็ว่าได้ เพราะเป็นลูกโทน และอายุก็ทิ้งช่วงห่างจากพี่ๆ มากพอสมควร เขาเป็นเด็กที่สุภาพเรียบร้อยและพูดน้อยอยู่บ้าง
“คุณบุญชัยกับพี่ๆ และข้าวหอมคุยภาษาอังกฤษกันหมด แต่ตั๊กจะพูดภาษาไทยกับเขา ข้าวหอมก็จะได้สองภาษา” คุณตั๊กกล่าว
ส่วนน้องข้าวหอมบอกว่า “ผมต้องพูดภาษาอังกฤษกับคุณพ่อและพี่ๆ แล้วพูดภาษาไทยกับคุณแม่และคนอื่นๆ ในบ้าน แต่ผมชอบภาษาอังกฤษเป็นทุนอยู่แล้ว ก็เลยไม่ค่อยยากเท่าไรครับ ผมไม่ชอบเลขเลย แต่คุณพ่อคุณแม่บอกว่าเลขจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิต ผมก็เลยเปลี่ยนความคิดและพยายามเรียนให้ดีขึ้น
“นอกจากนี้ผมยังชอบวาดรูป ส่วนใหญ่จะเป็นภาพลายเส้นเป็นภาพสัตว์กับสัตว์ประหลาดกึ่งหุ่นยนต์ในจินตนาการครับ อย่างหุ่นยนต์ตั๊กแตนที่คุณแม่บอกว่ามันน่ากลัวเกินไป เพราะวาดด้วยปากกาแดงกับดินสอดำ ไม่อยากเอามาแขวน ก็จะมีภาพวาดฝีมือผมแขวนอยู่ในบ้านแค่ภาพเดียว แล้วก็มีอยู่ภาพหนึ่งที่คุณลุงเฉลิมชัย (โฆษิตพิพัฒน์) ซื้อไปในราคาหนึ่งพันบาท
“ส่วนเรื่องกีฬาผมชอบแบดมินตันครับ เพราะช่วยให้จิตใจผมสงบ เวลาตีแล้วรู้สึกสบายใจดี ผมชอบตีคู่กับเพื่อนๆ ที่โรงเรียน ถ้ากลับมาบ้านถึงจะตีกับคุณพ่อคุณแม่แล้วก็พี่ๆ ที่บ้านครับ เป็นการตีเล่นๆ เพื่อคลายเครียดมากกว่า ไม่ได้ตีกับโค้ช”
“ตั๊กบอกลูกว่าไม่ต้องมีโค้ชหรอก เล่นตามสัญชาตญาณไปเลย นอกเวลาเรียนลูกอยากเล่นอะไร อยากทำอะไรก็ทำไป เราเล่นกีฬาก็เพื่อคลายเครียด ถ้าเล่นแล้วเครียดมันต้องเล่นเป็นอาชีพ” คุณตั๊กเสริม
กีฬาอีกอย่างที่น้องข้าวหอมชอบก็คือ การดำน้ำ ซึ่งสามารถทำได้ดีมาก“ผมชอบดำน้ำมากกว่าว่ายน้ำครับ เวลาลงสระก็จะดำน้ำจากขอบสระด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง แต่ยังไม่เคยลองดำน้ำลึกในทะเล แค่ดำดูปะการังน้ำตื้นเท่านั้นเองครับ เพราะคุณพ่อยังไม่อยากให้ดำน้ำในทะเลลึก”
กิจกรรมยามว่างของข้าวหอมกับคุณพ่อ ก็คือการคุยเรื่องศิลปะและนาฬิกา แต่คุณตั๊กบอกว่าส่วนใหญ่ลูกชายเป็นฝ่ายรับฟังผู้เป็นพ่อมากกว่า ซึ่งคุณบุญชัยก็จะปลูกฝังแนวคิดต่างๆ ให้กับลูกชายคนเล็ก และหากคุณตั๊กไปปฏิบัติธรรม ทั้งสองพ่อลูกจะขลุกอยู่ด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ไม่ว่าจะเป็นการไปดูโมเดล ชมงานศิลปะ ดูนาฬิกา หรือกระทั่งตื่นเช้าไปทำบุญใส่บาตรที่วัด และกลับมาสวดมนต์ด้วยกัน
“ผมก็ชอบนาฬิกาเหมือนกันครับ ผมชอบนาฬิกาวินเทจ เพราะมีความคลาสสิกครับ” น้องข้าวหอมบอก
คุณบุญชัยเสริมคำพูดของลูกชายว่า “ที่ผมส่งข้าวหอมเรียน Bromsgrove เพราะเป็นโรงเรียนหลักสูตรอังกฤษ จะได้ไม่ต้องไปเรียนที่อังกฤษ อยู่ไทยใกล้ชิดเราดีกว่า แล้วตอนนี้ผมมีเวลาว่างมากกว่าตอนที่พี่ๆ เขายังเด็ก เขาก็จะมีโอกาสเรียนรู้จากผมเยอะกว่าเพื่อน ตอนพี่ๆ เขายังเด็กไม่ได้เจอพ่อเลย เพราะว่าพ่อทำงานทั้งวัน”
“ผมก็สนิทกับคุณแม่เหมือนกันครับ เพราะถ้าคุณแม่ไม่ไปปฏิบัติธรรม เราก็จะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ตอนที่คุณแม่ไปเรียนเกษตร แล้วมาสอนผมต่อ ผมคิดว่าก็น่าสนใจดีนะครับ แล้วเวลาไปไร่ของคุณพ่อผมก็ชอบดูต้นไม้” น้องข้าวหอมบอก
“ข้าวหอมยังเคยไปเกี่ยวข้าวที่ตั๊กปลูกที่ไร่เลยค่ะ แต่ใจตั๊กคิดว่าอนาคตเขาจะทำอะไรต้องให้เขาหาตัวเองให้เจอก่อน ยังไม่อยากยัดเยียดสิ่งที่เราชอบให้เขา ข้าวหอมเขาเป็นคนใจร้อนค่ะ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเด็กวัยนี้นะคะ ถ้าเขาทะเลาะกับเพื่อน ตั๊กก็จะคอยบอกเขาว่าใจเย็นๆ เดี๋ยวมาทดลองทางอารมณ์กับแม่ดูไหม ไม่เกิน 3 ชั่วโมงถึง 1 วันลูกก็ลืมแล้ว เขาก็จะรอดูว่าเป็นอย่างที่แม่พูดไหม (หัวเราะ) แล้วก็เป็นอย่างที่เราพูดจริงๆ เพราะเราผ่านมาหมดแล้วค่ะ” คุณแม่ตั๊กเสริม
“มีช่วงหนึ่งที่เขาติดมือถือ ตั๊กบอกเขาว่าไม่โอเคนะ เพราะมีผลวิจัยออกมาว่าการเล่นมือถือไม่ดี ก็ให้เขาดูผลวิจัยนั้น เขาถึงยอมหยุดเพราะเขาเป็นเด็กรักตัวเอง ก็ค่อยๆ ดีขึ้น เพราะตั๊กให้เขาไปวิ่งไปตีแบดไปว่ายน้ำ ถามว่าตั๊กชอบเป็นแม่ไหม ตั๊กว่าทำให้มีชีวิตชีวาดีนะ ถามว่าเป็นห่วงที่รัดเราไว้ไหม ก็ใช่ แต่เป็นห่วงที่เราแฮปปี้ที่จะมี
“แต่ตั้งแต่ตั๊กเรียนธรรมะของพระพุทธเจ้า ตั๊กก็เลยเริ่มซ้อมปล่อยให้เขามีชีวิตด้วยตัวเอง โดยที่ค่อยๆ ปล่อย เพราะตั๊กรู้สึกว่าความห่วงเป็นทุกข์ ทุกข์ของตั๊กด้วยทุกข์ของเขาด้วย เพราะถ้าตั๊กห่วงเขามาก เขาคงรำคาญ เรียกว่าการเลี้ยงลูกค่อนข้างละเอียดอ่อนมากๆ ค่ะ” คุณตั๊กพูดพลางหัวเราะ และคุณตั๊กบอกว่าน้องข้าวหอมจะบวชเณรช่วงสั้นๆ ระหว่างปิดเทอมฤดูร้อนนี้อีกด้วย
คนดีไม่มีวันตาย
เมื่อถามคุณบุญชัยว่ารู้สึกอย่างไรที่เพิ่งฉลองครบรอบแต่งงาน 12 ปีไปหมาดๆ “เวลาผ่านไปไวมากครับ ตอนแต่งงานใหม่ๆ ก็ยาก เพราะวัยห่างกัน 30 ปี ตอนข้าวหอมยังไม่เกิด บอกเลิกกันอาทิตย์ละ 3 ครั้ง เพราะเขาเป็นคนโมโหง่าย ผมสะสมแก้วสตาร์บัคส์ไว้ เขาก็เอามาปาใส่ผมจนเหลือใบหนึ่ง (หัวเราะ) แต่จากนั้นผมก็ยังเก็บต่อมาจนได้เกือบ 500 ใบ
“มันต้องอาศัยความเข้าใจด้วยนะครับว่าเราอายุมาก ก็ต้องเอาความดีเข้าสู้ เพราะเราไม่มีความหนุ่มแน่นแล้วไง ผมก็ใช้วิธีเอารูปถ่ายเก่าๆ ของผมตอนอายุ 20 กว่ามาวางไว้ เพื่อให้เขาเห็นหน้าตาสมัยหนุ่มๆ ของผมว่าประมาณนี้ เขาเห็นแล้วบอกว่าทำไมตอนนั้นไม่มาจีบ ก็บอกตอนนั้นเธอยังไม่เกิด” คุณบุญชัยตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะ
ก่อนจาก HELLO! ถามชายผู้มีวิสัยทัศน์ว่า เขายังมีโปรเจกต์อะไรที่อยากทำแต่ว่ายังหาโอกาสไม่ได้บ้างไหม เขาบอกว่า “ผมเป็นคนชอบอ่านเรื่องเทคโนโลยี แล้วพบว่าคอมพิวเตอร์เจนเนอเรชั่นต่อไปก็คือควอนตัมเทคโนโลยี ซึ่งสามารถเจาะระบบ Firewall ของทุกอย่างในโลกนี้ได้ภายใน 3 วินาที ถ้าสามารถผลิตเป็นอุตสาหกรรมได้เมื่อไร ผมจะรวยอีกรอบตอนอายุ 100 ปี (หัวเราะ) ผมว่ามันทั้งน่าตื่นเต้นและท้าทาย ตอนนี้ทั้งน้องชายลูกชายหลานชายผมเขาก็เชื่อเหมือนกันว่า เทคโนโลยีต่อไปที่กำลังจะมาก็คือควอนตัม แล้วผมเป็นคนที่มุ่งมั่นแม้จะรู้ว่าต้องใช้เวลานาน เขาก็ถามว่าจะเอาเงินที่ไหนมาลงทุน เพราะรู้ว่าไม่ใช่ถูกๆ แต่ผมบอกว่าใช่ ทว่าการคิดและเตรียมการณ์ไว้ก่อนไม่เสียหายอะไร เพราะถ้ายูไม่เตรียมการณ์ก็ไม่เตรียมเงิน”
ช่วงนี้ของชีวิตคุณบุญชัยเป็นช่วงที่เขาบอกว่า semi-retire แม้จะวางมือจากงานบริหารแล้ว แต่ยังต้องเป็นหัวเรือใหญ่ของตระกูล มีหน้าที่มองหาเป้าหมาย และคุยกับลูกหลานเรื่องเป้าหมาย เพื่อให้พวกเขาไปให้ถึงเป้าหมายที่คุณบุญชัยวางไว้ เมื่อมีเวลาก็จะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศพร้อมหน้าสมาชิกทั้งตระกูลปีละครั้ง และพาคุณตั๊กกับน้องข้าวหอมเที่ยวต่างประเทศอีกปีละหลายครั้ง เพื่ออัพเดตมุมมองใหม่ๆ
คุณบุญชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมอยากทำตัวเป็นประโยชน์ของสังคม ให้เหมือนกับเพลงที่คุณปิติ ลิมปิชาติแต่งให้ ชื่อเพลง คนดีไม่มีวันตาย ถ้าเราทำความดีและคนในสังคมรู้ ลูกหลานเราก็จะปลอดภัย เพราะคุณพ่อผม (สุจินต์ เบญจรงคกุล) สอนไว้ก่อนตายว่า อย่าทิ้งปัญหาที่เราก่อไว้ให้ลูกหลานต้องรับเคราะห์แทน”