JMT กำไร Q2/68 ที่ 246 ลบ. เดินหน้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเพิ่ม

หุ้นวิชั่น - JMT เผยรายได้รวมไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 1,208.7 ลบ. ลดลงจากปีก่อน เหตุรายได้จากประกันภัยและการเก็บหนี้ทรงตัว กำไรสุทธิที่ 246.5 ลบ. แม้เศรษฐกิจชะลอแต่ยังรักษากระแสเงินสดรวม 2,142 ลบ. พร้อมลงทุนซื้อหนี้ด้อยคุณภาพกว่า 1,000 ลบ. ในครึ่งปีแรก และเตรียมแผนเพิ่มประสิทธิภาพเก็บหนี้ด้วย AI ควบคู่การรักษาสภาพคล่องเพื่อชำระหุ้นกู้ครบกำหนดตุลาคมนี้ อนุมัติปันผลที่ 0.24 บาทต่อหุ้น

บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน)หรือ JMT รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2568 สรุปสถิติที่สำคัญ ไตรมาส 2/2568 และครึ่งปีแรก 2568

“ไม่มีปัญหาด้านกระแสเงินสด” + “บริษัทเริ่มลงทุนซื้อหนี้ด้อยคุณภาพอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 2/2568”

รายได้รวม บริษัทฯ มีรายได้รวมในไตรมาส 2/2568 เท่ากับ 1,208.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11.5 และสำหรับรายได้รวมในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 เท่ากับ 2,793.6 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11.4 สืบเนื่องจากการจัดเก็บหนี้ด้อยคุณภาพที่ทรงตัว และรายได้จากการรับประกันภัยที่ลดลง

กระแสเงินสดจากการจัดเก็บหนี้ บริษัทยังคงสามารถรักษาระดับการจัดเก็บกระแสเงินสดได้อย่างต่อเนื่อง โดยมียอดกระแสเงินสดจากการจัดเก็บหนี้ (Cash Collection) กรณีรวม กระแสเงินสดที่จัดเก็บจาก บริษัท บริหารสินทรัพย์ เจเค (“เจเค”) ในไตรมาส 2/2568 เท่ากับ 2,142 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เฉพาะบริษัทฯ เท่ากับ 1,277 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับ 6 เดือนแรกปี 2568 กรณีรวมเจเค เท่ากับ 4,321 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

การตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิต (ECL) ในไตรมาส 2/2568 บริษัทได้ตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิต (Expected Credit Loss: ECL) 259 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการที่ไม่ใช่เงินสด (Non-Cash Item) จากพอร์ตหนี้ที่มีผลการจัดเก็บต่ำกว่าประมาณการ สาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าหากเศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติ จะทำให้การตั้งสำรองขาดทุนด้านเครดิตลดลง

การลงทุนในหนี้ด้อยคุณภาพในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 บริษัทลงทุนในหนี้ด้อยคุณภาพ 263 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนในหนี้ด้อยคุณภาพแบบไม่มีหลักประกันทั้งหมด และภายหลังวันที่ 30 มิถุนายน 2568 บริษัทได้ลงนามซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเพิ่มเติม มูลค่าตามสิทธิคงค้าง (Outstanding Balance) 762 ล้านบาท

กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นสำหรับไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 246.5 ล้านบาท ลดลง 120.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 32.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

แนวทางในการดำเนินการเพื่อสร้างผลการดำเนินงานให้ได้ตามเป้าหมาย (Improvement Plan)

จากผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 ที่ผ่านมา บริษัทมีผลประกอบการที่ลดลงน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทได้ดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ดังต่อไปนี้

1. มาตรการด้านรายได้ (เพิ่มยอดจัดเก็บ สร้างรายได้)

จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลให้กำลังผ่อนชำระของลูกหนี้ลดลง ฝ่ายบริหารของบริษัทจึงดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ยังมีความตั้งใจและศักยภาพในการชำระหนี้ต่อไป แม้จะประสบปัญหาด้านสภาพคล่องชั่วคราวในปัจจุบัน

มาตรการดังกล่าวประกอบด้วย การปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสมกับรายได้ของลูกหนี้ในช่วงเวลานี้ เช่น การยืดระยะเวลาผ่อนชำระ การลดค่างวดรายเดือน หรือการพักชำระบางส่วนชั่วคราว การเพิ่มแนวทางส่งเสริมการปิดบัญชีด้วยส่วนลดพิเศษ (Settlement Discount) เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ลูกหนี้สามารถชำระหนี้ได้ครบถ้วนโดยเร็ว และลดภาระหนี้ในระยะยาว

2. มาตรการด้านต้นทุน (ลดต้นทุนในการดำเนินการโดยไม่กระทบธุรกิจ)

บริษัทได้ดำเนินการลดจำนวนพนักงานติดตามหนี้ด้อยคุณภาพลงในไตรมาส 2/2568 ซึ่งเป็นกลุ่มพนักงานที่ยังไม่สามารถจัดเก็บหนี้ได้ตามเป้าหมายของบริษัท

นอกจากนี้ ภายใต้แผนระยะยาว บริษัทมีแผนเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บหนี้ด้อยคุณภาพ โดยมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยี AI มาใช้เพื่อสนับสนุนกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการปรับจำนวนบุคลากรให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินงานระยะยาวขององค์กร

3. มาตรการรักษากระแสเงินสดให้เหมาะสมกับการดำเนินงานและภาระหนี้สินในอนาคต

บริษัทได้จัดทำประมาณการทางการเงินอย่างเหมาะสมในการดำเนินงาน การซื้อหนี้ด้อยคุณภาพ และการจัดโครงสร้างเงินทุนให้เหมาะสมกับการเติบโตในอนาคต เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและผู้ถือหุ้นกู้มีความมั่นใจในการลงทุน

ทั้งนี้ หุ้นกู้ของบริษัทที่จะครบกำหนดในเดือนตุลาคม 2568 บริษัทได้จัดเตรียมกระแสเงินสดสำรองเพื่อชำระคืนไว้เรียบร้อยแล้ว

พร้อมอนุมัติการจ่ายปันผลระหว่างกาลอัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.24 บาทต่อหุ้น วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) : 26 ส.ค. 2568 และวันที่จ่ายปันผล : 12 ก.ย. 2568